อิฐมวลเบากับแนวโน้มงานก่อสร้างในอนาคต | ทำไมอุตสาหกรรมยุคใหม่เลือกใช้วัสดุนี้

อิฐมวลเบา

อิฐมวลเบากับแนวโน้มงานก่อสร้างในอนาคต: บทนำที่คุณไม่ควรมองข้าม

ในขณะที่โลกก่อสร้างกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่สูงขึ้น ขาดแคลนแรงงาน ความต้องการบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และข้อกำหนดเรื่องพลังงานที่เข้มงวดมากขึ้น วัสดุก่อสร้างแบบเดิมอาจไม่สามารถตอบโจทย์ยุคใหม่ได้อีกต่อไป

“อิฐมวลเบา” กลายเป็นหนึ่งในคำตอบสำคัญของอุตสาหกรรมก่อสร้างยุคถัดไป โดยเฉพาะในช่วงปี 2025–2030 ที่คาดว่าจะเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านจากโครงสร้างแบบดั้งเดิม สู่ระบบก่อสร้างที่ฉลาด ประหยัดพลังงาน และตอบโจทย์ทั้งด้านความเร็ว ความปลอดภัย และความยั่งยืน

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกว่าเหตุใด “อิฐมวลเบากับแนวโน้มงานก่อสร้างในอนาคต” จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการ สถาปนิก วิศวกร และผู้พัฒนาโครงการไม่ควรมองข้าม พร้อมเปิดมุมมองใหม่ว่าทำไมวัสดุชิ้นนี้จึงไม่ได้เป็นแค่ “อิฐเบา” ธรรมดาอีกต่อไป แต่คือหัวใจของการเปลี่ยนแปลงทั้งวงการก่อสร้างไทยและระดับโลก


อิฐมวลเบาคืออะไร? ทำไมจึงเป็นวัสดุแห่งอนาคต

อิฐมวลเบา (Autoclaved Aerated Concrete: AAC) คือวัสดุก่อสร้างที่ผลิตจากปูนซิเมนต์ ทราย ปูนขาว ผงอะลูมิเนียม และน้ำ ผ่านกระบวนการอบไอน้ำภายใต้แรงดันสูง ทำให้เกิดฟองอากาศภายในเนื้ออิฐ ส่งผลให้น้ำหนักเบาแต่ยังคงความแข็งแรงในระดับที่เหมาะสมกับงานก่อสร้างทั่วไป

คุณสมบัติที่ทำให้ AAC กลายเป็นวัสดุแห่งอนาคต:

  • น้ำหนักเบา ลดภาระโครงสร้าง
  • กันความร้อน กันเสียงได้ดี
  • ติดตั้งรวดเร็ว ประหยัดเวลาและแรงงาน
  • ใช้วัสดุน้อย ลดต้นทุนในระยะยาว

เทรนด์ก่อสร้าง 2025–2030 ที่อิฐมวลเบาตอบโจทย์

  1. Green Building: อาคารยุคใหม่เน้นลดการใช้พลังงาน อิฐมวลเบาช่วยรักษาอุณหภูมิภายในได้ดี
  2. Smart Construction: เร่งการก่อสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบาและขนาดมาตรฐาน ทำให้งานไว
  3. Low Carbon Construction: ลดการปล่อยคาร์บอนจากวัสดุและขั้นตอนผลิต ซึ่งอิฐมวลเบาทำได้ดีกว่าวัสดุทั่วไป

ข้อดีที่มากกว่าแค่เบา: ประหยัดพลังงาน ลดคาร์บอน ลดต้นทุน

  • ลดค่าไฟฟ้า: ผนังอิฐมวลเบาสามารถรักษาอุณหภูมิในบ้านได้ดีกว่าผนังทั่วไป ช่วยลดการใช้แอร์หรือพัดลม
  • ลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์: กระบวนการผลิตอิฐมวลเบาปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าปูนซีเมนต์ทั่วไป
  • ลดค่าแรง: การติดตั้งเร็วและง่าย ทำให้ใช้ช่างน้อยลงและประหยัดค่าแรงงาน

การใช้งานจริงในบ้านประหยัดพลังงาน อาคารสูง โรงงานอุตสาหกรรม

  • บ้านแนว Eco-Design: ใช้อิฐมวลเบาเป็นผนังเพื่อช่วยลดอุณหภูมิในบ้าน
  • อาคารสูง: เพราะน้ำหนักเบา ไม่เพิ่มภาระให้โครงสร้าง และช่วยลดต้นทุนฐานราก
  • โรงงานอุตสาหกรรม: ต้องการวัสดุที่ป้องกันความร้อนและเสียงรบกวน อิฐมวลเบาตอบโจทย์ได้ครบ

เปรียบเทียบกับวัสดุก่อสร้างเดิม (อิฐบล็อก, คอนกรีต)

คุณสมบัติอิฐมวลเบาอิฐบล็อกคอนกรีตหล่อในที่
น้ำหนักเบาหนักหนักมาก
กันความร้อนดีมากต่ำปานกลาง
กันเสียงดีปานกลางดีมาก
ความเร็วในการติดตั้งเร็วปานกลางช้า
ราคากลางถูกแพง

Case Study: โครงการที่เลือกใช้อิฐมวลเบาเพื่ออนาคต

  • หมู่บ้านจัดสรรแนว Eco ในนครนายก: ใช้อิฐมวลเบา G4 ทั้งหลัง ส่งผลให้บ้านเย็น ประหยัดค่าไฟ และลดภาระโครงสร้าง
  • อาคารสำนักงานระดับ LEED Gold: ใช้ผนังอิฐมวลเบาร่วมกับฉนวนกันร้อน และสามารถผ่านมาตรฐานพลังงานอาคารได้ตามกฎหมาย
  • โกดังในนิคมอุตสาหกรรมระยอง: เลือกใช้อิฐมวลเบาเพื่อลดเสียงรบกวน และควบคุมอุณหภูมิภายใน

บทสรุปและคำแนะนำจากทีริช กรุ๊ป

อิฐมวลเบาไม่ได้เป็นเพียงวัสดุทางเลือก แต่เป็น “วัสดุแห่งอนาคต” ที่ตอบโจทย์ทุกมิติของงานก่อสร้างยุคใหม่ ทั้งด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม ความเร็ว ความปลอดภัย และต้นทุน หากคุณคือเจ้าของโครงการ วิศวกร หรือผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ต้องการความยั่งยืนในระยะยาว อิฐมวลเบาคือคำตอบที่ใช่ที่สุด


ติดต่อทีริช กรุ๊ป เพื่อขอใบเสนอราคาอิฐมวลเบา ราคาส่งจากโรงงาน


เขียนโดย: ทีมวิศวกรและการตลาด บริษัท ทีริช กรุ๊ป จำกัด
อัปเดตล่าสุด: พฤษภาคม 2568