อิฐมวลเบากับความเปลี่ยนแปลงในตลาดก่อสร้างไทย
อิฐมวลเบา ปี 2026 กำลังกลายเป็นหัวข้อสำคัญในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย เพราะในช่วงเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจ วัสดุก่อสร้างชนิดนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย บทความนี้จะพาวิเคราะห์ว่า Demand และ Supply ของอิฐมวลเบาจะสมดุลหรือไม่ในปี 2026 และตลาดจะเดินหน้าไปทางใดในอนาคตอันใกล้นี้ที่ผู้รับเหมา นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของบ้านเลือกใช้แทนอิฐแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ต้นทุนแรงงานพุ่ง วัสดุก่อสร้างขาดแคลน และการก่อสร้างต้องการความเร็ว ความประหยัด และประสิทธิภาพ
แต่คำถามสำคัญคือ ในปี 2026 ตลาดอิฐมวลเบาจะสมดุลหรือไม่? Demand กับ Supply ไปในทิศทางเดียวกันหรือกำลังสวนทางกันอยู่?
1. ภาพรวมตลาดอิฐมวลเบา ปี 2026 และแนวย้อนหลัง
ยอดการใช้จริง: ปี 2023–2024 ยอดใช้รวมในภาคก่อสร้างไทยอยู่ที่ประมาณ 8–10 ล้านตารางเมตร/ปี เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6–10% ต่อปี
อัตราแทนที่อิฐมอญและอิฐบล็อก: เติบโตอย่างชัดเจนในโครงการบ้านจัดสรร, อาคารพาณิชย์, โครงการภาครัฐที่ต้องการความเร็วในการก่อสร้าง
ปัจจัยหนุนการเติบโต:
ราคาต่อหน่วยที่คุ้มค่าเมื่อคิดร่วมกับค่าแรง
ขนาดและน้ำหนักเบา ช่วยลดต้นทุนโครงสร้าง
เทรนด์ ESG ที่ส่งเสริมวัสดุประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
2. ความต้องการของตลาด (Demand Side): ใครคือผู้ซื้อ?
2.1 กลุ่มเป้าหมายหลัก
ผู้รับเหมาและบริษัทก่อสร้าง: ใช้ในบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์
นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์: หันมาใช้อิฐมวลเบาแทนวัสดุเก่า เพื่อลดเวลาและต้นทุน
เจ้าของบ้านและงาน Renovate: ตอบโจทย์ความเบาและกันความร้อน
ภาครัฐและสถาบันการศึกษา: ใช้ในการสร้างอาคารประหยัดพลังงาน
2.2 ความต้องการแฝงที่กำลังเติบโต
โครงการบ้านหลังที่สอง (ต่างจังหวัด)
การก่อสร้างแนวดิ่งในเขตเมือง
โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก
3. ฝั่งผู้ผลิต (Supply Side): โรงงาน, กำลังผลิต และความท้าทาย
3.1 โรงงานผลิตหลักในไทย
SCG Smart Block
TPI
Q-Con
Superblock
บ.ท้องถิ่นระดับภูมิภาค
3.2 ความสามารถในการผลิต (Capacity)
กำลังผลิตรวมทั่วประเทศอยู่ที่ 12–15 ล้าน ตร.ม./ปี
ปัจจุบันใช้ capacity ไปแล้วกว่า 80–90% ในบางช่วง
3.3 ปัญหา Supply Chain ที่พบ
ราคาวัตถุดิบ: ปูนซีเมนต์, ผงอลูมิเนียม, ทรายแปรผันสูง
พลังงาน: ราคาก๊าซและไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นกระทบต้นทุน
ขาดแคลนแรงงานฝีมือในกระบวนการผลิต
4. ปัจจัยที่ส่งผลต่อสมดุลตลาด (Demand-Supply)
✅ ราคาปูนและพลังงาน: ถ้าขึ้นต่อเนื่อง จะดันราคาขายอิฐมวลเบาขึ้น → กระทบ Demand
✅ เศรษฐกิจภาพรวม: ถ้าอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวเร็ว Demand จะกระโดด
✅ นโยบายรัฐ: ถ้ามีการสนับสนุนบ้านประหยัดพลังงาน → อิฐมวลเบาได้ประโยชน์
✅ การพัฒนาโรงงานใหม่: บางแบรนด์วางแผนขยายโรงงานในภาคกลางและอีสาน
5. อิฐมวลเบา ปี 2026 คาดการณ์แนวโน้มตลาดและการเปลี่ยนแปลง
Demand จะโตต่อเนื่องประมาณ 8–12%
Supply อาจเริ่มตึงในบางพื้นที่ เช่น กทม., ปริมณฑล, EEC
ผู้ผลิตที่มีระบบโลจิสติกส์ดีจะได้เปรียบ
ตลาดจะถูกแบ่งชัดเจน: กลุ่ม Premium (SCG, Q-Con) และกลุ่ม Economy (TPI, Superblock, OEM)
6. ราคาอิฐมวลเบา ปี 2026 จะขึ้นหรือลง? วิเคราะห์แนวโน้ม
แนวโน้มราคา:
ราคาขายอิฐมวลเบาอาจเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3–7% ในปี 2026 จากต้นทุนพลังงานและแรงงาน
แต่การแข่งขันสูงในภาคกลางจะดันให้ราคาคงที่มากขึ้น
ปัจจัยควบคุมราคา:
จำนวนผู้เล่นในตลาด
ช่องทางจำหน่ายออนไลน์ (อย่างเช่น trich.co.th)
ราคาขนส่งในแต่ละพื้นที่
7. โอกาสทางธุรกิจ: มุมมองของผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ เช่น ทีริช กรุ๊ป
โอกาสใหญ่ของ B2B ออนไลน์: ลูกค้าเริ่มสั่งวัสดุก่อสร้างผ่านเว็บไซต์มากขึ้น
จุดแข็งของ trich.co.th:
ราคาขายส่งจริง
มีวิศวกรให้คำแนะนำ
มีระบบการสั่งแบบเที่ยวรถที่เหมาะกับอิฐมวลเบาจำนวนมาก
แนวโน้มที่จะเติบโตใน 2026:
รับงานโครงการย่อย
ขายเป็นพาร์ทเนอร์ผู้รับเหมาช่วง
8. ข้อเสนอแนะสำหรับผู้บริโภค, ผู้รับเหมา และนักพัฒนาอสังหา
กลุ่ม | คำแนะนำ |
---|---|
เจ้าของบ้าน | รีบวางแผนซื้ออิฐก่อนราคาปรับขึ้น |
ผู้รับเหมา | เลือกผู้จัดจำหน่ายที่สต๊อกจริง และส่งเร็ว |
นักพัฒนาอสังหา | วางแผน Supply Chain ล่วงหน้า และล็อกต้นทุนวัสดุก่อสร้าง |
บทสรุป: ตลาดอิฐมวลเบาในปี 2026 – สมดุลหรือผันผวน?
ตลาดอิฐมวลเบาปี 2026 อาจไม่ถึงขั้น “วิกฤติ” แต่ก็ไม่ “สมดุล” เต็มที่ เพราะ Demand โตเร็วกว่า Supply โดยเฉพาะในบางภูมิภาค เช่น ภาคกลางและ EEC ผู้ผลิตรายเล็กอาจต้องปรับแผน ขณะที่ผู้จัดจำหน่ายที่มีระบบออนไลน์และคลังสินค้า (เช่น ทีริช กรุ๊ป) จะได้เปรียบมากที่สุด
สามารถ เยี่ยมชม โรงงานอิฐมวลเบาได้ที่นี่
ติดตาม รีวิวอิฐมวลเบาได้ที่นี่