สร้างบ้าน ยุคใหม่ 2025–2026: คู่มือครบทุกขั้นตอนจากมืออาชีพ

ก่อสร้างบ้าน

สร้างบ้าน ยุคใหม่ 2025–2026: คู่มือครบทุกขั้นตอนจากมืออาชีพ

ทำไมต้องวางแผน “สร้างบ้าน” อย่างจริงจังในปี 2025–2026

สร้างบ้าน  คำๆนี้ กว้างมาก ในการมีบ้านสักหลังไม่ใช่แค่เรื่องของที่อยู่อาศัยอีกต่อไป แต่คือการลงทุนระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตทั้งครอบครัวในทุกมิติ ทั้งเรื่องการเงิน ความมั่นคง ความปลอดภัย และคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะในปี 2025–2026 ที่สถานการณ์วัสดุก่อสร้าง เศรษฐกิจ และค่าแรง ล้วนมีผลอย่างมากต่อการสร้างบ้าน

การวางแผน สร้างบ้าน ในยุคนี้จึงต้องไม่ใช่แค่การมองแบบคร่าว ๆ แล้วจ้างผู้รับเหมา แต่ต้องคิดให้รอบด้าน ตั้งแต่วิธีคิด การออกแบบ การเลือกวัสดุ ไปจนถึงระบบต่าง ๆ ภายในบ้าน

เทรนด์การสร้างบ้านยุคใหม่

  1. บ้านประหยัดพลังงาน – ใช้วัสดุฉนวน, อิฐมวลเบา, การวางผังรับลมธรรมชาติ
  2. บ้านอัจฉริยะ (Smart Home) – ระบบเปิด–ปิดไฟ, กล้องวงจรปิด, ประตูดิจิทัล
  3. บ้านที่เน้นสุขภาพ – การใช้สีปลอดสาร, วัสดุกันเชื้อรา, ช่องเปิดระบายอากาศ

ภาพรวมตลาดสร้างบ้านในไทย 2025–2026

  • ราคาวัสดุก่อสร้างยังคงผันผวนโดยเฉพาะเหล็กและปูน
  • การขาดแรงงานช่างฝีมือยังคงเป็นปัญหา
  • คนรุ่นใหม่หันมาจัดการสร้างบ้านเองมากขึ้น โดยหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต

ทางเลือกในการ สร้างบ้าน

  • จ้างผู้รับเหมาแบบเหมางาน (Turnkey)
  • จ้างแยกงาน (ผู้รับเหมาโครงสร้าง, ผู้รับเหมาตกแต่ง)
  • จ้างบริษัทรับสร้างบ้านแบบครบวงจร
  • ทำเองบางส่วน (Owner-managed)

ในทุกทางเลือกนั้น ปัจจัยหลักคือการเลือก “ทีมงาน” และ “วัสดุ” ที่เชื่อถือได้ ซึ่งแบรนด์ที่มีประสบการณ์ เช่น ทีริช กรุ๊ป ที่ดำเนินธุรกิจวัสดุก่อสร้างมากว่า 10 ปี ก็สามารถเป็นที่พึ่งได้ในเรื่องข้อมูลสินค้า การจัดส่ง และคำปรึกษาจากวิศวกรโดยตรง


ขั้นตอนการ สร้างบ้าน ตั้งแต่ 0–100

การ สร้างบ้าน ไม่ใช่แค่การสั่งให้ช่างมาก่ออิฐฉาบปูน แต่คือกระบวนการที่ต้องมีการวางแผน ลำดับขั้นตอน และการประสานงานระหว่างทีมงานจำนวนมาก ซึ่งสามารถสรุปได้เป็นลำดับขั้นตอน ดังนี้:

1. การวางแผนและตั้งงบประมาณ

  • กำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอยโดยรวม
  • วางงบรวมและงบสำรอง (เผื่อ 10–20%)
  • สำรวจความพร้อมของครอบครัวและเป้าหมายในอนาคต (เช่น มีลูก, มีผู้สูงอายุ)

2. การเลือกที่ดิน

  • สำรวจผังเมืองและข้อจำกัดทางกฎหมาย เช่น สีพื้นที่, เขตห้ามก่อสร้าง
  • ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ เช่น โฉนด น.ส.4 จ.
  • วิเคราะห์หน้าดิน เช่น เป็นดินเหนียว หรือดินทราย มีผลต่อการเลือกเสาเข็ม

3. การออกแบบบ้าน

  • จ้างสถาปนิกขึ้นแบบ (2D/3D + แบบยื่นขออนุญาต)
  • ร่วมมือกับวิศวกรโครงสร้างเพื่อความปลอดภัยตามมาตรฐาน
  • พิจารณาทิศทางแดด ลม ฝน การระบายน้ำในพื้นที่

4. การยื่นขออนุญาตก่อสร้าง

  • ยื่นแบบบ้านพร้อมแปลนระดับเขตหรือเทศบาล
  • แนบแบบโครงสร้าง, รายการคำนวณ, สำเนาโฉนด และหนังสือรับรองวิศวกร
  • ระยะเวลาดำเนินการ 30–45 วัน (โดยประมาณ)

5. การหาผู้รับเหมา / บริษัทรับสร้างบ้าน

  • ดูผลงานที่ผ่านมา, รีวิวลูกค้าเก่า, ใบอนุญาต
  • ทำสัญญาที่ระบุงวดงาน–งวดจ่าย, วันเริ่ม–วันจบ, เบี้ยปรับกรณีล่าช้า
  • ถ้าเป็นระบบผู้รับเหมาช่วง ต้องตรวจสอบทีมช่างด้วย

6. เตรียมหน้างานและวัสดุก่อสร้าง

  • เคลียร์พื้นที่, ตั้งสำนักงานชั่วคราว, ขุดเจาะดินถ้าจำเป็น
  • วางแผนจัดส่งวัสดุก่อสร้างกับผู้ขาย (แนะนำใช้ระบบสั่งเต็มเที่ยวรถ เช่นจาก ทีริช กรุ๊ป เพื่อประหยัดต้นทุน)

7. เริ่มงานก่อสร้าง

  • งานฐานราก: เสาเข็ม, ตอม่อ
  • งานโครงสร้าง: คาน, เสา, พื้น, ผนัง
  • งานระบบ: ไฟฟ้า, ประปา, สุขาภิบาล
  • งานสถาปัตย์: ฉาบ, ปูกระเบื้อง, ติดตั้งบานประตูหน้าต่าง

8. ตรวจรับงานและแก้ไข Defect

  • ตรวจรับเป็นงวด: ฐานราก, โครงสร้าง, ระบบ, งานสถาปัตย์
  • ให้เจ้าของบ้านมีส่วนร่วมตรวจสอบหรือจ้างที่ปรึกษาคุมงาน
  • เอกสารการตรวจรับต้องแนบภาพและบันทึก

9. การเข้าอยู่อาศัย

  • ตรวจสอบระบบไฟฟ้า–ประปาให้สมบูรณ์ 100%
  • ทำความสะอาดหลังงานก่อสร้าง (แนะนำใช้บริการแบบมืออาชีพ)
  • เตรียมเอกสารแจ้งย้ายเข้า และเปลี่ยนชื่อมิเตอร์ไฟ–น้ำ

ขั้นตอนเหล่านี้หากวางแผนไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องที่สนุก ประหยัด และปลอดภัย ไม่กลายเป็น “ฝันร้าย” แบบที่เจ้าของบ้านมือใหม่หลายคนเจอครับ

โครงสร้างบ้าน – แก่นสำคัญที่ต้องไม่พลาด

หนึ่งในหัวใจหลักของการสร้างบ้านคือ “โครงสร้าง” ซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดทั้งความมั่นคง อายุการใช้งาน และความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน การลงทุนกับโครงสร้างที่ดี ย่อมช่วยให้บ้านอยู่ได้นาน ไม่ต้องซ่อมบ่อย และสามารถขายต่อได้ง่ายในอนาคต

1. ระบบฐานราก – จุดเริ่มต้นที่แข็งแรง

  • ประเภทเสาเข็ม: เสาเข็มหกเหลี่ยมกลวง, เสาเข็มตัวไอ, เสาเข็มเจาะ
  • การเลือกชนิดและความยาวของเสาเข็มต้องขึ้นกับสภาพดิน (ใช้ผลเจาะดิน)
  • การวางผังเสาเข็มต้องให้ตรงกับแบบวิศวกรรมเท่านั้น

ทีริช กรุ๊ป มีบริการจำหน่ายเสาเข็มหลากหลายชนิดพร้อมให้คำแนะนำจากวิศวกรโดยตรง และจัดส่งเต็มเที่ยวรถตามมาตรฐาน มอก.

2. โครงสร้างหลัก: เสา – คาน – พื้น – แผ่นพื้น

  • เสาและคานคือกระดูกสันหลังของบ้าน ต้องใช้เหล็กคุณภาพและเทคอนกรีตตามสเปก
  • แผ่นพื้นมี 2 แบบหลัก: พื้นหล่อในที่ (สำหรับโครงสร้างซับซ้อน) และพื้นสำเร็จรูป (รวดเร็ว ประหยัดแรงงาน)
  • แผ่นพื้นสำเร็จรูปจาก ทีริช กรุ๊ป ได้มาตรฐาน มอก. และออกแบบเฉพาะแต่ละหน้างาน

3. ผนังบ้าน – ไม่ใช่แค่ฉาบปูน

  • วัสดุก่อผนังมีให้เลือกหลายแบบ เช่น อิฐมอญแดง, อิฐมวลเบา, อิฐบล็อก
  • การเลือกขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความต้องการด้านกันเสียง และกันร้อน
วัสดุจุดเด่นข้อควรระวังความเหมาะสม
อิฐมอญแดงแข็งแรง ทนไฟสูงหนัก, ใช้แรงงานมากบ้านทั่วไปที่เน้นทนทาน
อิฐมวลเบาเบา กันร้อน กันเสียงต้องใช้กาวเฉพาะบ้านสมัยใหม่, บ้านประหยัดพลังงาน
อิฐบล็อกราคาประหยัดไม่กันเสียง, รับน้ำหนักต่ำผนังกันห้องภายใน, โกดัง

🧱 ทีริช กรุ๊ป เป็นผู้จัดจำหน่ายวัสดุก่อผนังครบทุกประเภท พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องปริมาณการใช้และการขนส่งถึงหน้างาน

4. ระบบหลังคา – ปกป้องบ้านทั้งหลัง

  • โครงสร้างหลังคาเหล็กเป็นที่นิยม: น้ำหนักเบา ติดตั้งเร็ว
  • กระเบื้องหลังคา: เลือกได้ทั้งกระเบื้องลอนคู่, กระเบื้องคอนกรีต, กระเบื้องเซรามิก
  • สีและความลาดเอียงมีผลต่อการระบายความร้อนและการกันฝน

🎯 ทีริช กรุ๊ป มีบริการจัดหากระเบื้องหลังคาคุณภาพ พร้อมให้คำแนะนำเรื่องความลาดเอียงและโครงสร้างรับน้ำหนัก

การควบคุมงานก่อ สร้างบ้าน และการตรวจงาน

การควบคุมงานก่อสร้างถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการสร้างบ้านให้สำเร็จตามแผน ทั้งในแง่คุณภาพ งบประมาณ และเวลา เจ้าของบ้านที่ไม่ได้มีความรู้ทางวิศวกรรมหรือสถาปัตย์ก็สามารถเข้าใจและมีส่วนร่วมในการตรวจงานได้ หากเข้าใจหลักการควบคุมงานแต่ละช่วงอย่างถูกต้อง

1. ควบคุมด้วยแผนงาน (Gantt Chart)

  • กำหนดระยะเวลาของแต่ละงาน เช่น ฐานราก 10 วัน, โครงสร้าง 30 วัน, ระบบไฟฟ้า 15 วัน
  • ติดตามความก้าวหน้ารายสัปดาห์/รายวัน พร้อมเทียบกับแผนที่ตั้งไว้
  • ใช้ซอฟต์แวร์บริหารงาน เช่น Microsoft Project, Trello หรือแอปก่อสร้างเฉพาะทาง

2. ตรวจงานตามงวด

  • งวดที่ 1: งานฐานราก – ตรวจเสาเข็ม, ระดับพื้น, การวางเหล็กก่อนเทคอนกรีต
  • งวดที่ 2: โครงสร้าง – ตรวจขนาดคาน, เสา, ระยะถนน, ระยะพื้น
  • งวดที่ 3: งานระบบ – เดินท่อ, เดินสายไฟ, จุดปลั๊กสวิตช์
  • งวดที่ 4: สถาปัตย์และตกแต่ง – งานฉาบ, กระเบื้อง, สี, เฟอร์นิเจอร์

3. เครื่องมือการตรวจสอบหน้างานที่ควรมี

  • ไม้วัดระดับน้ำ, ตลับเมตรเลเซอร์, กล้องถ่ายภาพความร้อน (ตรวจระบบไฟ)
  • ใช้ Checklist การตรวจงานตามมาตรฐานวิศวกรรม
  • ถ่ายภาพบันทึกทุกขั้นตอนเพื่ออ้างอิงในอนาคต

4. ปัญหาที่มักเกิดจากการไม่ควบคุมงาน

  • เทคานผิดตำแหน่ง → ส่งผลถึงผังห้องทั้งหมด
  • เดินท่อผิดแนว → ต้องรื้อใหม่ทั้งระบบ
  • สีไม่ตรงโทน, กระเบื้องเบี้ยว, เฟอร์หลุดระยะ

5. ทางออก: จ้างที่ปรึกษา (Construction Consultant)

  • ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทุกงวดและรายงานกลับเจ้าของบ้าน
  • ช่วยต่อรองกับผู้รับเหมาหากมีปัญหา
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 2–5% ของงบก่อสร้าง แต่คุ้มกับความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได้

🏗️ ทีริช กรุ๊ป แนะนำให้ลูกค้าที่สั่งวัสดุก่อสร้างกับเรา ตรวจสอบกับวิศวกรหรือผู้ควบคุมงานทุกครั้งก่อนเท–ก่อ–ฉาบ เพื่อป้องกันการสูญเปล่าและการต้องสั่งวัสดุซ้ำโดยไม่จำเป็น

งบบานปลาย vs การวางแผนงบที่ดี

หลายคนเริ่มสร้างบ้านด้วยงบประมาณจำกัด แต่กลับพบว่าเมื่องานก่อสร้างเริ่มขึ้นจริง ๆ งบกลับบานปลายจนเกินตัว ปัญหานี้สามารถป้องกันได้ด้วยการวางแผนที่รอบคอบและเข้าใจต้นทุนที่แท้จริงของการก่อสร้างบ้าน

1. ปัจจัยหลักที่ทำให้งบบานปลาย

  • เปลี่ยนแบบกลางทาง: เช่น เพิ่มห้อง, เปลี่ยนวัสดุ, เพิ่มฟังก์ชัน
  • วัสดุราคาเพิ่ม: ราคาปูน, เหล็ก, กระเบื้อง มีแนวโน้มขึ้นปีต่อปี
  • ทำสัญญาไม่ละเอียด: ไม่รวมงานระบบ, งานภายนอก, งานพื้นพิเศษ
  • ไม่มีงบเผื่อฉุกเฉิน: เหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น พบน้ำใต้ดิน, หน้าดินอ่อน

2. แนวทางวางแผนงบแบบมืออาชีพ

  • วางงบ 3 ระดับ: งบหลัก, งบฟังก์ชันเพิ่มเติม, งบฉุกเฉิน
  • เขียนรายการวัสดุทั้งหมด (BOQ) โดยละเอียด เพื่อเห็นภาพรวมของต้นทุนจริง
  • ขอใบเสนอราคาจากผู้ขายวัสดุ 2–3 ราย แล้วเปรียบเทียบคุณภาพ + ราคาจริง

3. เปรียบเทียบตัวอย่างงบประมาณ

รายการงบประมาณตั้งต้น (บาท)ตัวแปรที่ทำให้งบบานงบรวมหลังบานปลาย (บาท)
โครงสร้าง800,000เปลี่ยนจากพื้นหล่อในที่เป็นพื้นสำเร็จ880,000
ระบบไฟฟ้า120,000เพิ่มปลั๊ก + จุดโคมไฟ145,000
ระบบสุขาภิบาล90,000เปลี่ยนสุขภัณฑ์ยี่ห้อพรีเมียม135,000
รวม1,010,000บานปลายจากตัวเลือกทั้งหมด1,160,000

4. ใช้เทคนิคควบคุมงบแบบก่อสร้างเชิงกลยุทธ์

  • จัดลำดับความสำคัญของงบ: ให้ความสำคัญกับโครงสร้างและระบบก่อนงานตกแต่ง
  • ซื้อวัสดุเต็มเที่ยวรถจากผู้ขายรายใหญ่ เช่น ทีริช กรุ๊ป เพื่อได้ราคาส่งและลดค่าวัสดุซ้ำซ้อน
  • วางแผนสั่งวัสดุล่วงหน้า เผื่อเวลาเปลี่ยนหรือจัดหาใหม่เมื่อเกิดปัญหา

💰 ทีริช กรุ๊ป มีบริการใบเสนอราคาวัสดุก่อสร้างแบบมืออาชีพ แยกตามงวดก่อสร้าง และแนะนำทางเลือกวัสดุที่คุ้มค่าที่สุดตามงบของลูกค้า ช่วยลดงบบานปลายได้จริง

เลือกวัสดุก่อ สร้างบ้าน อย่างไรให้คุ้มค่า

การเลือกวัสดุก่อสร้างไม่ใช่แค่ดูราคาถูกที่สุด แต่ต้องพิจารณาคุณภาพ การใช้งาน อายุการใช้งาน และความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม หากเลือกวัสดุได้อย่างมืออาชีพ จะช่วยให้บ้านแข็งแรง ประหยัดค่าบำรุงรักษา และน่าอยู่ในระยะยาว

1. วัสดุโครงสร้างหลักที่ต้องไม่ประหยัดผิดที่

วัสดุตัวเลือกคุณสมบัติเด่นเหมาะกับข้อควรระวัง
เสาเข็มเสาเข็มหกเหลี่ยมกลวง, เสาเข็มตัวไอ, เสาเข็มเจาะรับน้ำหนักดี, ติดตั้งเร็วดินอ่อน, ดินปานกลางต้องเลือกความยาวให้เหมาะกับชั้นดิน
คอนกรีตปูนปอร์ตแลนด์, ปูนผสมเสร็จแข็งแรงตามมาตรฐาน มอก.งานโครงสร้าง, ฐานรากต้องควบคุมสัดส่วนและเวลาเท
แผ่นพื้นพื้นสำเร็จรูป, พื้นหล่อในที่ลดเวลา, ลดค่าแรงบ้าน 2 ชั้นขึ้นไปต้องวางบนคานที่ออกแบบรับน้ำหนักไว้แล้ว

🏗️ ทีริช กรุ๊ป มีจำหน่ายวัสดุโครงสร้างมาตรฐาน มอก. พร้อมบริการแนะนำชนิดเสาเข็มและแผ่นพื้นให้เหมาะกับแบบบ้าน และหน้าดินหน้างานจริง

2. วัสดุก่อผนังและหลังคา

  • ผนัง: อิฐมอญแดง – แข็งแรง, อิฐมวลเบา – กันร้อน, อิฐบล็อก – ราคาประหยัด
  • หลังคา: กระเบื้องลอนคู่ – ประหยัด, กระเบื้องคอนกรีต – แข็งแรง, กระเบื้องเซรามิก – ทนแดด สีไม่ซีด
  • โครงหลังคา: เหล็กกล่องกัลวาไนซ์ – กันสนิม, น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย

3. วัสดุตกแต่งภายในที่ให้ความรู้สึก “คุ้มเกินราคา”

รายการวัสดุแนะนำจุดเด่นอายุใช้งาน
กระเบื้องพื้นแกรนิตโต้ทนรอยขีดข่วน ดูหรู10–15 ปี
สีทาภายในสีสูตรน้ำกลิ่นอ่อนไม่มีสารระเหย VOC สูง5–8 ปี
ฝ้าเพดานยิปซัมบอร์ด กันชื้นป้องกันเชื้อราได้ดี8–10 ปี

4. เทคนิคเลือกวัสดุอย่างมืออาชีพ

  • ขอใบเสนอราคาจากร้านวัสดุก่อสร้างอย่างน้อย 2–3 แห่ง (พร้อมเปรียบเทียบ)
  • พิจารณาเงื่อนไขการจัดส่ง: ส่งฟรี?, เต็มเที่ยวรถ?, มีคืนสินค้าหรือไม่?
  • ถามหาใบรับรองมาตรฐาน มอก. หรือ ISO สำหรับวัสดุหลัก
  • ไม่เลือกของถูกเกินจริง: เพราะต้นทุนจริงมีราคาขั้นต่ำอยู่แล้ว

📦 ทีริช กรุ๊ป มีระบบใบเสนอราคาจัดหมวดวัสดุ (เช่น โครงสร้าง, ผนัง, ระบบน้ำ) พร้อมระบบเช็คสต๊อก+คำนวณเที่ยวรถให้ทันทีสำหรับบ้านแต่ละแบบ

การตกแต่งภายในและการเข้าอยู่

เมื่อบ้านสร้างเสร็จโครงสร้างหลักแล้ว ยังไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ทันที ต้องมีการตกแต่งภายใน วางระบบภายในบ้าน และตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งหมด ก่อนจะสามารถเข้าอยู่ได้อย่างสมบูรณ์

1. ลำดับงานตกแต่งภายในที่ต้องรู้

  • งานฝ้าเพดาน: ฝ้าฉาบเรียบ, ฝ้าหลุม, ฝ้าซ่อนไฟ
  • งานระบบไฟ: เดินสาย, ติดตั้งปลั๊ก, สวิตช์, โคมไฟ
  • งานปูพื้น: กระเบื้อง, ลามิเนต, พื้น SPC
  • งานบานประตู–หน้าต่าง: ติดตั้งบาน, มือจับ, ระบบล็อก
  • งานสี: ทารอบแรก (รองพื้น), ทารอบสอง (จริง), ตรวจรอยแตกร้าว

2. เฟอร์นิเจอร์บิลท์อินหรือลอยตัว?

  • บิลท์อิน: เหมาะกับพื้นที่จำกัด ต้องการความเรียบร้อย เช่น ห้องครัว, ห้องนอน, ตู้เสื้อผ้า
  • ลอยตัว: ปรับเปลี่ยนง่าย ประหยัดกว่า เหมาะกับคนที่ชอบเปลี่ยนสไตล์บ้านบ่อย

3. การตรวจ Defect ก่อนเข้าอยู่

  • ตรวจสี–ฝ้า–ผนัง: รอยแตกลายงา, สีโป๊ว, สีหยด
  • ตรวจประตู–หน้าต่าง: เปิด–ปิดลื่น, ไม่มีช่องแสงรั่ว, ระบบล็อกดี
  • ตรวจสุขภัณฑ์: อ่างล้างหน้า, ชักโครก, ฝักบัว – ไม่มีรั่วซึม
  • ตรวจระบบไฟ: ปลั๊กทุกจุด, สวิตช์, เบรกเกอร์ทำงานปกติ

✅ ใช้แบบฟอร์ม Check List การตรวจ Defect รายห้อง เพื่อให้ครบถ้วน

4. การทำความสะอาดหลังงานก่อสร้าง

  • ต้องล้างฝุ่นปูน, เศษวัสดุ, คราบน้ำยาเคมี
  • ใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะจุด เช่น ล้างพื้นแกรนิตโต้, เช็ดฝ้ากันชื้น
  • หากไม่มีทีมมืออาชีพ อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือลื่นล้มได้ง่าย

🧼 แนะนำใช้บริการจากมืออาชีพ เช่น khunsaard.com หากต้องการทำความสะอาดก่อนเข้าอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

5. เตรียมเอกสารและระบบก่อนเข้าอยู่จริง

  • แจ้งย้ายเข้า – ทำที่สำนักงานเขต / เทศบาล
  • ขอเปลี่ยนชื่อมิเตอร์น้ำและไฟฟ้า
  • ติดตั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน, กล้องวงจรปิด, ระบบกันขโมย
  • ลงทะเบียนบ้านเลขที่ (กรณีสร้างใหม่ในที่ดินเปล่า)

หัวข้อต่อไปจะเป็นเรื่อง ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย และวิธีหลีกเลี่ยง เพื่อให้เจ้าของบ้านมือใหม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เกิดซ้ำบ่อย ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย และวิธีหลีกเลี่ยง

การสร้างบ้านเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีรายละเอียดจำนวนมาก ความผิดพลาดเล็กน้อยสามารถส่งผลกระทบทั้งงบประมาณ คุณภาพ และระยะเวลาการก่อสร้าง ดังนั้นการเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นจึงเป็นทางลัดที่ช่วยลดความเสี่ยงได้มากที่สุด

1. ไม่เจาะสำรวจดินก่อนออกแบบ

  • ความผิดพลาด: สร้างบ้านโดยใช้ข้อมูลจากบ้านข้างเคียงโดยไม่เจาะดินจริง
  • ผลกระทบ: เสาเข็มสั้นเกินไป → บ้านทรุด
  • วิธีหลีกเลี่ยง: เจาะสำรวจดินทุกครั้งก่อนส่งแบบให้วิศวกรโครงสร้าง

2. ใช้สัญญาผู้รับเหมาที่ไม่รัดกุม

  • ความผิดพลาด: ไม่ระบุขอบเขตงานชัดเจน, ไม่มีงวดจ่าย
  • ผลกระทบ: งานล่าช้า, ถูกเรียกเก็บเงินเพิ่ม, ถูกทิ้งงาน
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ใช้สัญญามาตรฐาน, กำหนดงวดงาน–งวดเงิน, แนบแผนงาน Gantt Chart

3. ประหยัดผิดจุดเรื่องวัสดุ

  • ความผิดพลาด: เลือกวัสดุเกรดต่ำโดยไม่เข้าใจคุณสมบัติ
  • ผลกระทบ: ผนังร้าว, พื้นแตกร่อน, ระบบรั่วซึม
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ขอใบเสนอราคาจากแหล่งเชื่อถือได้ เช่น ทีริช กรุ๊ป, ปรึกษาวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญ

4. ไม่มีผู้ควบคุมงานหรือที่ปรึกษา

  • ความผิดพลาด: ปล่อยให้ช่างควบคุมงานกันเอง
  • ผลกระทบ: ตรวจสอบไม่ได้ว่างานตรงตามแบบหรือไม่
  • วิธีหลีกเลี่ยง: จ้างผู้ควบคุมงาน, หรือเรียนรู้การตรวจงวดงานเบื้องต้นด้วยตนเอง

5. ไม่วางแผนระบบภายในให้ครบตั้งแต่ต้น

  • ความผิดพลาด: ลืมจุดปลั๊ก, ตำแหน่งท่อน้ำ, จุดเดินสาย
  • ผลกระทบ: ต้องเจาะ แก้ไข ซ้ำซ้อน เสียทั้งเงินและเวลา
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ใช้แปลนระบบ (MEP) ที่ชัดเจน และตรวจสอบหน้างานก่อนเท/ก่อทุกครั้ง

6. รีบเข้าอยู่ก่อนงานเสร็จสมบูรณ์

  • ความผิดพลาด: ย้ายเข้าทั้งที่ยังมีเศษวัสดุ, ระบบไม่ทดสอบ
  • ผลกระทบ: อันตรายจากระบบไฟ, สุขาภิบาลรั่ว, พื้นไม่สะอาด
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ตรวจ Defect ทั้งหมด, ทำความสะอาดใหญ่, ทดสอบระบบครบ 100% ก่อนย้ายเข้า

🚧 บทเรียนสำคัญคือ สร้างบ้านไม่ได้วัดกันที่เร็วหรือถูกที่สุด แต่ต้อง “วางแผนครบ + ตรวจสอบทุกขั้นตอน” เท่านั้นถึงจะคุ้มค่าจริงในระยะยาว

เปรียบเทียบทางเลือก – สร้างบ้านกับมืออาชีพดีกว่าอย่างไร?

ในการสร้างบ้าน เจ้าของบ้านมีทางเลือกหลากหลาย ตั้งแต่การบริหารเองทุกขั้นตอน ไปจนถึงการจ้างบริษัทรับสร้างบ้านแบบ Turnkey ซึ่งแต่ละทางเลือกมีข้อดี–ข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับงบประมาณ เวลา และความพร้อมของเจ้าของบ้าน

1. สร้างบ้านด้วยตนเอง (Owner-Managed)

  • ข้อดี: คุมงบได้ดี, เลือกวัสดุได้เอง, ประหยัดค่านายหน้า
  • ข้อเสีย: เสี่ยงสูงถ้าไม่มีความรู้, ต้องคุมงานเอง, เหนื่อยและใช้เวลา
  • เหมาะกับ: ผู้ที่มีประสบการณ์ก่อสร้าง, ชอบลงมือทำเอง และมีเวลาเต็มที่

2. จ้างผู้รับเหมาแยกงาน (ผู้รับเหมาช่วง)

  • ข้อดี: ค่าก่อสร้างถูกกว่าบริษัท, ยืดหยุ่นได้ตามสภาพหน้างาน
  • ข้อเสีย: ต้องประสานงานหลายฝ่าย, เสี่ยงโดนทิ้งงาน, งบบานปลายได้ง่าย
  • เหมาะกับ: เจ้าของบ้านที่มีคนแนะนำช่างไว้ใจได้ และสามารถจัดการสัญญาได้เอง

3. จ้างบริษัทรับสร้างบ้านแบบครบวงจร (Turnkey)

  • ข้อดี: มีทีมบริหารงานครบ, มีมาตรฐานงานชัดเจน, รับผิดชอบงานทุกขั้นตอน
  • ข้อเสีย: ค่าก่อสร้างสูงกว่า, บางบริษัทใช้วัสดุไม่ตรงตามสเปก
  • เหมาะกับ: ผู้ที่ไม่มีเวลา, ต้องการความมั่นใจว่างานเสร็จแน่นอน

4. จ้างผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีวิศวกรควบคุม (Semi-Turnkey)

  • ข้อดี: ได้งานตามสเปก, คุมงบได้มากขึ้น, ได้รับคำแนะนำจากมืออาชีพ
  • ข้อเสีย: ต้องหาแหล่งวัสดุเองบางส่วน
  • เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่น + คุณภาพงานระดับวิศวกรรม

👷‍♂️ ทีริช กรุ๊ป มีทีมวิศวกรและที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้างพร้อมให้คำแนะนำกับลูกค้าในการเลือกเสาเข็ม แผ่นพื้น และวัสดุสำคัญอย่างมืออาชีพ หากเจ้าของบ้านต้องการบริหารงานเอง แต่ยังมีผู้รู้คอยซัพพอร์ต

ตารางสรุปเปรียบเทียบทางเลือกในการสร้างบ้าน

ทางเลือกราคาค่าก่อสร้างคุมงานง่ายความเสี่ยงงานล่าช้าคุณภาพวัสดุเหมาะกับใคร
ทำเองต่ำยากสูงไม่แน่นอนคนมีประสบการณ์
ผู้รับเหมาช่วงกลางปานกลางกลาง–สูงไม่แน่นอนคนมีทีมที่ไว้ใจได้
บริษัทรับสร้างบ้านสูงง่ายต่ำค่อนข้างแน่นอนคนไม่มีเวลา
Semi-Turnkey + วิศวกรปานกลางง่ายต่ำมาตรฐานวิศวกรรมคนต้องการสมดุลคุ

 

ทำไมการเลือกวัสดุ สร้างบ้าน ที่ดี = ลงทุนอนาคต

หลายคนอาจมองว่าเลือกวัสดุก่อสร้างที่ราคาถูกที่สุดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ในความเป็นจริง วัสดุที่ดีและได้มาตรฐานสามารถช่วยลดต้นทุนแฝงและค่าซ่อมบำรุงในระยะยาวได้มากมาย ทั้งยังเพิ่มมูลค่าบ้านหากต้องการขายต่อในอนาคตอีกด้วย

1. วัสดุดี = ลดค่าบำรุงรักษาระยะยาว

  • ผนังแตกร้าวน้อยลง → ไม่ต้องทาสีหรือฉาบใหม่บ่อย
  • ระบบไฟฟ้า–ประปาไม่รั่ว → ไม่ต้องซ่อมทุบพื้นผนัง
  • พื้นไม่ยุบ ไม่โก่ง ไม่แตกร่อน → ใช้งานได้หลายสิบปี

2. บ้านมูลค่าสูงขึ้น หากใช้วัสดุที่ได้รับการรับรอง

  • มาตรฐาน มอก. (สำหรับปูน, อิฐ, เสาเข็ม, ท่อ)
  • วัสดุประหยัดพลังงาน เช่น อิฐมวลเบา, ฉนวนกันร้อน
  • กระเบื้องหลังคาที่ทน UV → สีไม่ซีด บ้านดูใหม่ตลอดเวลา

3. ของดีไม่ได้แพงเสมอไป (เมื่อคำนวณต้นทุนต่ออายุการใช้งาน)

วัสดุราคาต่อหน่วยอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยต้นทุนต่อปี
อิฐมอญแดง2.80 บาท/ก้อน50 ปี0.056 บาท/ปี
อิฐมวลเบา25 บาท/ก้อน30 ปี0.83 บาท/ปี
กระเบื้องลอนคู่10 บาท/แผ่น15 ปี0.67 บาท/ปี
กระเบื้องเซรามิก35 บาท/แผ่น30 ปี1.17 บาท/ปี

4. ผลกระทบของวัสดุก่อสร้างต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

  • สี VOC ต่ำ → ไม่ก่อให้เกิดสารระเหยอันตราย
  • อิฐกันความร้อน → บ้านไม่อบอ้าว ประหยัดค่าไฟฟ้า
  • วัสดุรีไซเคิลได้ → ลดของเสียหลังรื้อถอนบ้านในอนาคต

🌱 การเลือกวัสดุอย่างมีวิสัยทัศน์ ไม่ใช่แค่คำนึงถึง “วันนี้” แต่เป็นการคำนึงถึง “บ้านในอีก 10–20 ปีข้างหน้า”

5. ทีริช กรุ๊ป: ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุก่อสร้างคุณภาพ

  • วัสดุได้รับมาตรฐาน มอก. ทุกชนิด
  • แนะนำวัสดุประหยัดพลังงาน และเหมาะกับภูมิอากาศไทย
  • บริการจัดส่งเต็มเที่ยวรถ พร้อมวางแผนจำนวนวัสดุให้เหมาะกับแบบบ้าน
  • มีทีมวิศวกรให้คำแนะนำเรื่องการเลือกวัสดุให้ตรงกับงานและงบประมาณ

สรุปแนวโน้มการ สร้างบ้าน 2026 และคำแนะนำจากมืออาชีพ

เมื่อเข้าสู่ปี 2026 ตลาดอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ทั้งด้านราคา ความต้องการ และแนวโน้มเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ ๆ ผู้ที่กำลังวางแผน สร้างบ้าน จึงควรติดตามข้อมูลและเตรียมตัวอย่างมืออาชีพเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสสำคัญ

1. แนวโน้มตลาดและวัสดุ ก่อสร้างบ้าน ปี 2026

  • ราคาวัสดุ: คาดว่าจะทรงตัวหรือเพิ่มเล็กน้อย โดยเฉพาะปูนซีเมนต์และเหล็กที่เป็นต้นทุนหลัก
  • อิฐมวลเบาและเสาเข็มสำเร็จรูป: ยังคงเป็นที่นิยมเพราะตอบโจทย์ความเร็วและคุณภาพ
  • กระเบื้องหลังคาทนความร้อน: กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับบ้านชั้นเดียวถึงสองชั้น
  • แรงงาน: ขาดแคลนต่อเนื่อง → ต้องการวัสดุที่ติดตั้งง่าย ประหยัดแรงงาน

2. แนวโน้มเทคโนโลยีก่อสร้าง

  • Prefab / Modular Construction: บ้านสำเร็จรูปประกอบหน้างาน เพิ่มขึ้นในเมืองใหญ่
  • Smart Home: ระบบไฟฟ้า/แสงสว่างอัจฉริยะ, ระบบเปิดปิดหน้าต่าง, กล้องวงจรปิด
  • วัสดุฉลาด (Smart Material): เช่น ฉนวนกันร้อนอัตโนมัติ, สีสะท้อนแสงอาทิตย์

3. การวางแผน สร้างบ้าน ให้ทันปี 2026

  • เริ่มรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปลายปี 2025
  • ขอใบเสนอราคาวัสดุจากผู้จำหน่าย เช่น ทีริช กรุ๊ป ล่วงหน้า
  • เจาะสำรวจดิน – ออกแบบบ้าน – ยื่นขออนุญาตก่อสร้าง ให้เสร็จภายใน Q1 ปี 2026
  • คุมเวลาและงบประมาณด้วยแผนงานชัดเจน (Gantt Chart + BOQ + ที่ปรึกษา)

4. คำแนะนำจากมืออาชีพ: อย่ารอให้ราคาขึ้น

“บ้านที่ดีไม่ได้อยู่ที่ความหรูหรา แต่อยู่ที่ความคุ้มค่า แข็งแรง และตอบโจทย์ชีวิตคุณ” – วิศวกรโครงการจาก ทีริช กรุ๊ป

  • อย่ารอให้ราคาวัสดุขึ้นถึงจุดพีคก่อนตัดสินใจ
  • เริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้ แม้จะยังไม่มีที่ดินหรือแบบบ้าน เพราะการเตรียมตัวคือหัวใจของบ้านคุณภาพ
  • หาพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจงานก่อสร้างและเน้นประโยชน์ลูกค้า ไม่ใช่แค่ขายของ เช่น ทีริช กรุ๊ป

สรุปท้ายบทความ

การสร้างบ้านในยุค 2025–2026 ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป หากคุณมีข้อมูลที่ครบถ้วน วางแผนอย่างถูกต้อง และเลือกทีมงานหรือผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ ทุกขั้นตอนจะกลายเป็นเรื่องที่คุณสามารถควบคุมได้

ทีริช กรุ๊ป พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ของคุณในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วางแผนวัสดุจนถึงส่งของถึงหน้างาน

✅ สนใจสอบถามใบเสนอราคาวัสดุก่อสร้าง ติดต่อผ่าน Line OA: @trich หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์: https://trich.co.th