บริษัทรับสร้างบ้าน ปี 2025–2026 | เปรียบเทียบครบทุกระดับ

บริษัทรับสร้างบ้าน

บริษัทรับสร้างบ้าน 2025–2026: เจาะลึกทุกระดับ พร้อมคู่มือเลือกบริษัทที่ใช่

เข้าใจก่อนเริ่ม – บริษัทรับสร้างบ้านคืออะไร?

ในยุคที่ผู้คนหันมาสร้างบ้านเองมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวใหม่และผู้ที่มีที่ดินเป็นของตัวเอง คำว่า “บริษัทรับสร้างบ้าน” กลายเป็นคำที่ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี แต่แท้จริงแล้ว บริษัทรับสร้างบ้านคืออะไร แตกต่างจากผู้รับเหมาทั่วไปอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง? คำถามเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญที่เจ้าของบ้านยุคใหม่ต้องเข้าใจก่อนตัดสินใจ

บริษัทรับสร้างบ้านคือ?

คือ องค์กรหรือธุรกิจที่รับจ้างก่อสร้างบ้านให้ลูกค้า โดยทำงานตามแบบก่อสร้างที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจเป็นแบบของบริษัทเอง หรือแบบที่ลูกค้าเตรียมมาให้ก็ได้ จุดเด่นของบริษัทเหล่านี้คือ มีโครงสร้างบริหารงานที่ชัดเจน มีทีมงานครบในแต่ละส่วน ตั้งแต่วิศวกรควบคุมงาน ช่างฝีมือ ไปจนถึงฝ่ายจัดซื้อวัสดุ

แตกต่างจาก “ผู้รับเหมาทั่วไป” อย่างไร?

รายการเปรียบเทียบบริษัทรับสร้างบ้านผู้รับเหมาทั่วไป
โครงสร้างองค์กรมีแผนกชัดเจน (วิศวกร, จัดซื้อ, QA)เป็นทีมช่างขนาดเล็ก 1–2 ทีม
แบบบ้านมีแบบมาตรฐานให้เลือก / หรือออกแบบใหม่ลูกค้าต้องหาแบบเอง
สัญญาเป็นทางการ มีเงื่อนไขคุ้มครองแล้วแต่ตกลง อาจไม่มีเอกสารชัดเจน
การควบคุมงานตรวจสอบตามงวดงาน มีเอกสารรับรองอยู่ที่ประสบการณ์ของช่าง
การรับประกันมีรับประกันโครงสร้าง / ระบบแล้วแต่ความสมัครใจของผู้รับเหมา

ทำไมคนยุคนี้เลือกบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้น?

  • ลดความเสี่ยงโดนทิ้งงาน: เพราะมีสัญญาและการจดทะเบียนบริษัท
  • ได้บ้านตามมาตรฐาน: วัสดุชัดเจน, แบบก่อสร้างผ่านการตรวจสอบ
  • มีทีมวิศวกร: ช่วยคุมงานให้มั่นใจว่าแข็งแรงและปลอดภัย
  • ตอบโจทย์คนไม่มีเวลา: ไม่ต้องคุมช่างเอง ไม่ต้องสั่งวัสดุเอง

การเข้าใจจุดเริ่มต้นเหล่านี้จะทำให้คุณมีกรอบความคิดที่ชัดเจนมากขึ้น และสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเหมาะกับการสร้างบ้านแบบใด

ประเภทของบริษัทรับสร้างบ้านในไทย (แบ่งตามระดับและรูปแบบบริการ)

บริษัทรับสร้างบ้านในประเทศไทยมีความหลากหลายมากขึ้นในช่วงปีหลัง ๆ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยุค 2025–2026 ที่ผู้บริโภคมีความรู้และความคาดหวังสูงขึ้น ทำให้เกิดการแยกประเภทบริษัทตามขนาด ทีมงาน และรูปแบบการให้บริการดังนี้:

1. บริษัทขนาดเล็ก (Local Builder)

  • ลักษณะ: บริษัทขนาดเล็กในระดับจังหวัด มีทีมงานไม่เกิน 10 คน
  • จุดเด่น: ยืดหยุ่นสูง, พูดคุยง่าย, ราคาไม่แรง
  • ข้อจำกัด: ไม่มีวิศวกรในทีม, แบบบ้านจำกัด, ความน่าเชื่อถือขึ้นอยู่กับเจ้าของล้วน ๆ
  • เหมาะกับ: คนที่มีงบจำกัด และพร้อมติดตามงานอย่างใกล้ชิด

2. บริษัทระดับภูมิภาค (Regional Builder)

  • ลักษณะ: มีโครงสร้างบริษัทชัดเจน รับงานในจังหวัดใกล้เคียง
  • จุดเด่น: มีแบบบ้านมาตรฐาน, ควบคุมงานได้ตามขั้นตอน, เอกสารครบ
  • ข้อจำกัด: ยังต้องเลือกวัสดุจากที่บริษัทมีเท่านั้น, เวลาอัปเดตงานอาจไม่เร็วเท่าบริษัทใหญ่
  • เหมาะกับ: คนที่ต้องการบ้านมาตรฐานดี ในราคากลาง–คุ้มค่า

3. บริษัทระดับประเทศ (Corporate Builder)

  • ลักษณะ: บริษัทขนาดใหญ่ รับงานทั่วประเทศ มีทีมวิศวกร, QA, ฝ่ายบริการหลังการขาย
  • จุดเด่น: มั่นใจในระบบ, เทคโนโลยีทันสมัย, รับประกันยาว, มีผลงานก่อสร้างมาก
  • ข้อจำกัด: ค่าใช้จ่ายสูง, ความยืดหยุ่นน้อย, ต้องรอคิวงานนาน
  • เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการบ้านคุณภาพสูง, บ้านหลังใหญ่, บ้านที่ใช้เป็นทรัพย์สินระยะยาว

4. บริษัท Design & Build (ออกแบบ + ก่อสร้าง ครบวงจร)

  • ลักษณะ: มีทีมสถาปนิกภายใน ร่วมมือกับทีมก่อสร้างของบริษัทเดียวกัน
  • จุดเด่น: ได้บ้านตรงใจ ออกแบบใหม่ทั้งหมด, วัสดุตามงบ
  • ข้อจำกัด: ราคาสูงกว่ามาตรฐาน, ต้องใช้เวลาออกแบบนานกว่าบ้านแบบสำเร็จ
  • เหมาะกับ: คนที่ต้องการบ้านเฉพาะตัว, มีรสนิยม, มีงบเพียงพอสำหรับบ้านออกแบบใหม่
ประเภทบริษัทขนาดทีมราคาเฉลี่ยความยืดหยุ่นรับประกันเหมาะกับ
Local Builder3–10 คนต่ำสูงแล้วแต่ตกลงงบน้อย, ติดตามเองได้
Regional Builder10–30 คนกลางปานกลางมีขั้นต่ำงบปานกลาง, ต้องการแบบมาตรฐาน
Corporate Builder30–100+ คนสูงต่ำครบทุกระบบบ้านหรู, บ้านลงทุน
Design & Build10–50 คนปานกลาง–สูงสูงแล้วแต่โปรเจกต์บ้านเฉพาะตัว, บ้านรีโนเวท

💡 หากต้องการควบคุมวัสดุด้วยตนเอง เช่น เสาเข็ม, แผ่นพื้น, อิฐมอญ, ปูนซีเมนต์ และส่งตรงถึงหน้างาน บริษัทที่มีพันธมิตรด้านวัสดุอย่าง ทีริช กรุ๊ป จะตอบโจทย์มาก เพราะช่วยจัดการเรื่องคุณภาพ + ราคา + การจัดส่งในระบบเต็มเที่ยวรถ

  1. ไม่ต้องเหนื่อยดูแลช่างเอง
    • บริษัทบริหารทีมก่อสร้างและผู้รับเหมาช่วงให้ทั้งหมด
    • ลูกค้าโฟกัสแค่ตัดสินใจเรื่องแบบบ้านและวัสดุ
  2. บางบริษัทมีบริการออกแบบ + ขออนุญาต + วางผัง + ตกแต่งภายในครบจบในที่เดียว

🎯 เช่น บริษัทที่มีพันธมิตรด้านวัสดุก่อสร้างอย่าง ทีริช กรุ๊ป จะสามารถจัดการวัสดุได้รวดเร็ว แม่นยำ และช่วยลดความเสี่ยงวัสดุไม่ตรงสเปก หรือส่งของล่าช้า

❌ ข้อเสียของการจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน

  1. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าผู้รับเหมาทั่วไป

    • บริษัทมีต้นทุนบริหาร, ฝ่ายบริการ, วิศวกร, เอกสาร ฯลฯ
    • ราคาต่อ ตร.ม. อาจสูงกว่าผู้รับเหมาท้องถิ่น 15–30%
  2. ความยืดหยุ่นในการเลือกวัสดุบางอย่างอาจจำกัด

    • บางบริษัทใช้วัสดุที่บริษัทมีดีลเท่านั้น หากต้องการเปลี่ยนต้องจ่ายเพิ่ม
  3. ระยะเวลาเริ่มงานอาจต้องรอคิว

    • โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ที่มี backlog งานจำนวนมาก
  4. ความแตกต่างของบริษัทแต่ละแห่งมีมาก

    • มีทั้งบริษัทคุณภาพจริง กับบางแห่งที่สร้างภาพแต่บริการไม่ถึงมาตรฐาน
    • ต้องตรวจสอบรีวิว ผลงาน และสถานะบริษัทให้ละเอียด

ตารางสรุปข้อดี–ข้อเสียแบบมืออาชีพ

ด้านข้อดีข้อเสีย
การควบคุมคุณภาพมีระบบ + วิศวกรควบคุม
ค่าใช้จ่ายได้มาตรฐาน, โปร่งใสราคาสูงกว่าช่างทั่วไป
การบริการบริการหลังการขาย, รับประกันบางบริษัทบริการช้า
ความสะดวกลูกค้าไม่ต้องคุมช่างเองต้องรอคิวเริ่มงาน
ความยืดหยุ่นมีแบบบ้านให้เลือกหลากหลายจำกัดวัสดุบางประเภท

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของบริษัทรับสร้างบ้านในปี 2025–2026

หนึ่งในคำถามที่ทุกคนสงสัยก่อนจะสร้างบ้านคือ “ต้องใช้งบเท่าไหร่?” ซึ่งคำตอบคือ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พื้นที่ใช้สอย, วัสดุที่เลือก, รูปแบบบ้าน, ความซับซ้อนของงานระบบ, และระดับของบริษัทที่จ้าง

แต่ในเบื้องต้น สามารถดู “กรอบงบประมาณโดยเฉลี่ย” ของปี 2025–2026 ได้ดังนี้:

ตารางค่าใช้จ่ายเบื้องต้น (ปี 2025–2026)

ประเภทบ้านพื้นที่ใช้สอยราคา/ตร.ม. (โดยประมาณ)งบรวมโดยประมาณหมายเหตุ
บ้านชั้นเดียวมาตรฐาน100 ตร.ม.16,000–20,000 บาท1.6–2 ล้านบาทวัสดุมาตรฐานทั่วไป
บ้าน 2 ชั้น150–200 ตร.ม.18,000–23,000 บาท2.7–4.6 ล้านบาทวัสดุปานกลาง–พรีเมียม
บ้านหรู / แบบเฉพาะ250–400 ตร.ม.25,000–35,000 บาท6.5–14 ล้านบาทวัสดุพรีเมียมทุกจุด

ปัจจัยที่ทำให้ราคาสูง–ต่ำ

  1. แบบบ้านที่เลือก

    • บ้านทรงเหลี่ยม ราคาก่อสร้างต่ำกว่าบ้านโค้งหรือหลังคาหลายจั่ว
  2. วัสดุที่ใช้

    • เช่น อิฐมอญ vs อิฐมวลเบา, กระเบื้องเซรามิก vs ลอนคู่
    • ถ้าใช้วัสดุมาตรฐาน มอก. ราคาสูงขึ้น แต่ประหยัดค่าบำรุงระยะยาว
  3. พื้นที่หน้างาน

    • ถ้าเข้าถึงยาก (ซอยแคบ, ต่างจังหวัดห่างไกล) จะมีค่าขนส่งเพิ่ม
  4. งานระบบพิเศษ

    • เช่น บ้านระบบ Smart Home, กันปลวกใต้ดิน, ระบบพลังงานแสงอาทิตย์
  5. ค่าบริหารจัดการของบริษัทรับสร้างบ้าน

    • บริษัทขนาดใหญ่ที่มี QA, ฝ่ายตรวจสอบ, ฝ่ายบริการหลังการขาย → จะมีค่าบริหารสูงขึ้น

เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย: บริษัทรับสร้างบ้าน vs ผู้รับเหมา

รายการบริษัทรับสร้างบ้านผู้รับเหมาหมายเหตุ
แบบบ้านมีให้เลือก หรือออกแบบให้ต้องหาเอง
BOQ + รายการวัสดุมีชัดเจนแล้วแต่กรณีบริษัทโปร่งใสมากกว่า
ราคาต่อ ตร.ม.สูงกว่า 10–30%ต่ำกว่าบริษัทมีต้นทุนทีมวิศวกร + บริหารงาน
งานระบบรวมอยู่ในราคาบางครั้งต้องจ้างแยก
ความเสี่ยงโดนทิ้งงานต่ำกลาง–สูงบริษัทมีสัญญาแน่นอน

📌 หากคุณต้องการลดต้นทุนวัสดุ โดยยังใช้ระบบบริษัทรับสร้างบ้าน แนะนำให้เจรจาใช้วัสดุจากผู้จำหน่ายภายนอก เช่น ทีริช กรุ๊ป ที่มีราคาส่งและระบบคำนวณเที่ยวรถให้เหมาะกับแบบบ้านจริง

แนวทางเลือกบริษัทรับสร้างบ้านให้ปลอดภัย

ในยุคที่บริษัทรับสร้างบ้านมีให้เลือกหลากหลาย การตัดสินใจจ้างบริษัทใดบริษัทหนึ่งอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโครงการสร้างบ้านคุณ การเลือกผิดอาจทำให้เสียทั้งเงิน เวลา และความรู้สึก ในขณะที่การเลือกถูก จะทำให้บ้านเสร็จตามแผนอย่างมีคุณภาพและปลอดภัย

1. ตรวจสอบสถานะบริษัทอย่างละเอียด

  • ค้นชื่อบริษัทใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ตรวจสอบทุนจดทะเบียน
  • ตรวจสอบว่ามีที่ตั้งสำนักงานจริง, มีทีมงาน หรือเป็นแค่ชื่อเฉย ๆ
  • ดูว่าเปิดดำเนินการมากี่ปี และมีรีวิวลูกค้าเก่าหรือไม่

2. ตรวจสอบผลงานที่ผ่านมา

  • ขอพาไปดูหน้างานจริง หรืองานที่ใกล้เสร็จ เพื่อดูคุณภาพงาน
  • ดูผลงานก่อน–หลัง และความสะอาดเรียบร้อยของพื้นที่ก่อสร้าง
  • สังเกตการทำงานของช่าง ความพร้อมของอุปกรณ์ เครื่องมือ

3. วิเคราะห์แบบบ้าน + BOQ อย่างรอบคอบ

  • ตรวจสอบว่าบริษัทมี BOQ (Bill of Quantity) ระบุวัสดุ และปริมาณชัดเจนหรือไม่
  • เปรียบเทียบราคาวัสดุ, ยี่ห้อ, รุ่น, รายการที่รวม–ไม่รวม
  • อย่าใช้ราคาเพียงอย่างเดียวตัดสิน ต้องดูว่ารวมอะไรไว้แล้วบ้าง

4. ตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญาอย่างละเอียด

  • งวดงานชัดเจนหรือไม่, มีเบี้ยปรับล่าช้าหรือเปล่า
  • เงื่อนไขการรับประกันงานก่อสร้าง – ครอบคลุมโครงสร้าง/ระบบนานเท่าไร
  • วิธีการส่งมอบงาน, วิธีตรวจ Defect, การเคลมวัสดุชำรุด

5. ตรวจสอบทีมงานภายในบริษัท

  • มีวิศวกรควบคุมงานจริงหรือใช้ช่างประสบการณ์ล้วน ๆ
  • มีฝ่ายบริการหลังการขายหรือไม่
  • มีระบบรายงานความคืบหน้าให้ลูกค้าหรือไม่ (รายวัน/รายสัปดาห์)

6. ตรวจสอบจรรยาบรรณในการทำงาน

  • มีการบวกราคาวัสดุเกินจริงหรือไม่
  • มีการเปลี่ยนวัสดุจาก BOQ โดยไม่แจ้งลูกค้าหรือไม่
  • มีประวัติการถูกฟ้องร้องหรือร้องเรียนในเว็บพันทิป / กลุ่มก่อสร้างหรือไม่

📌 ทีริช กรุ๊ป แนะนำให้ลูกค้าขอใบเสนอราคาวัสดุก่อสร้างจากแหล่งภายนอกมาเทียบกับ BOQ ของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้จ่ายเกิน และสามารถประสานงานให้วัสดุเข้าส่งตรงได้จริงตามจำนวน ไม่บวกราคาแฝง

 

บริษัทรับสร้างบ้าน กับการเลือกวัสดุก่อสร้าง

วัสดุก่อสร้างคือหัวใจสำคัญของบ้าน ไม่ว่าการออกแบบจะดีแค่ไหน หากเลือกใช้วัสดุผิดพลาด บ้านที่สร้างออกมาก็อาจไม่ทน ไม่ปลอดภัย และมีปัญหาซ้ำซ้อนในระยะยาว ซึ่งบริษัทรับสร้างบ้านแต่ละแห่งก็มีแนวทางการเลือกวัสดุที่แตกต่างกัน

1. แบบ Standard Spec vs Upgrade Spec

  • บริษัทส่วนใหญ่มักมี วัสดุมาตรฐาน (Standard Spec) เช่น อิฐบล็อก, ปูนทั่วไป, สุขภัณฑ์ยี่ห้อมาตรฐาน
  • หากลูกค้าต้องการอัปเกรด เช่น ใช้อิฐมวลเบา, เสาเข็มพิเศษ, แผ่นพื้นสำเร็จ → ต้องแจ้งและขอปรับ BOQ ตั้งแต่ต้น

2. วัสดุที่มีผลกับอายุการใช้งานบ้านอย่างมาก

หมวดตัวเลือกยอดนิยมความสำคัญ
ผนังอิฐมวลเบา / อิฐมอญกันร้อน–กันเสียง–ทนไฟ
พื้นพื้นหล่อในที่ / แผ่นพื้นสำเร็จรูปรับน้ำหนักและคุมการทรุด
หลังคากระเบื้องลอนคู่ / คอนกรีต / เซรามิกป้องกันรั่ว–ลดความร้อน
เสาเข็มหกเหลี่ยมกลวง / เจาะความมั่นคงของฐานราก
ระบบไฟฟ้าท่อร้อยสาย, เบรกเกอร์ความปลอดภัย–กันไฟช็อต

3. บริษัทรับสร้างบ้านบางแห่งไม่อนุญาตให้ลูกค้าเลือกวัสดุเอง

  • โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ อาจมีสัญญา Deal กับผู้ผลิตวัสดุบางแบรนด์
  • หากลูกค้าต้องการวัสดุเฉพาะเจาะจง เช่น SCG, เสาเข็ม มอก., ปูนตราเสือพิเศษ → ต้องสอบถามล่วงหน้า

4. แนวทางที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยที่สุด

  • เลือกบริษัทที่เปิดให้ปรับวัสดุตามความต้องการได้ (โดยยังคุมงบตามจริง)
  • ขอ BOQ แบบแยกราคา + ระบุรุ่นวัสดุชัดเจน
  • ขอสิทธิ์ในการจัดหาวัสดุบางรายการเอง หากมีแหล่งเชื่อถือได้

🧱 ทีริช กรุ๊ป มีบริการให้คำปรึกษาเรื่องวัสดุโครงสร้าง เช่น เสาเข็ม, แผ่นพื้นสำเร็จรูป, ปูน, อิฐ พร้อมจัดส่งเต็มเที่ยวรถให้ตรงตามแบบที่ลูกค้าและบริษัทรับสร้างบ้านกำหนด โดยมีวิศวกรช่วยตรวจสอบความเหมาะสมกับหน้างานจริง

การตกแต่งภายในและการส่งมอบบ้าน

การตกแต่งภายในคือจุดที่ทำให้บ้าน “มีชีวิต” หลังจากโครงสร้างแข็งแรง วัสดุครบถ้วน การตกแต่งคือการแสดงออกถึงรสนิยม ความชอบ และการใช้งานที่ลงตัวสำหรับผู้อยู่อาศัย

1. การออกแบบตกแต่งภายใน (Interior Design)

  • บริษัทรับสร้างบ้านบางแห่งมีทีมออกแบบภายในร่วมด้วย
  • ลูกค้าอาจเลือกให้บริษัทรับสร้างบ้านทำทั้งหมด หรือจ้างนักออกแบบเฉพาะทางเพิ่มเติม
  • สไตล์ยอดนิยมปี 2025–2026 ได้แก่: Modern Minimal, Japandi, Tropical Loft, Luxury Classic

2. เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน vs ลอยตัว

ประเภทข้อดีข้อเสีย
บิวท์อินใช้พื้นที่คุ้ม, เรียบเนียน, ออกแบบเฉพาะแพงกว่า, เคลื่อนย้ายไม่ได้
ลอยตัวยืดหยุ่น, เปลี่ยนง่ายเปลืองพื้นที่, ความเรียบร้อยน้อยกว่า

✅ หากเลือกใช้บิวท์อิน ต้องมั่นใจว่าแบบบ้านจะไม่ดัดแปลงในอนาคต และมีจุดจบงานไฟฟ้า–ประปา สอดรับกับการใช้งานจริง

3. ระบบต่าง ๆ ที่ต้องวางพร้อมในเฟสตกแต่ง

  • ระบบแสงไฟ, จุดปลั๊ก–สวิตช์
  • จุดติดตั้งแอร์, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, ระบบน้ำร้อน
  • ระบบ IoT (บ้านอัจฉริยะ): กล้อง, เซ็นเซอร์, Door Lock

4. การตรวจ Defect ก่อนส่งมอบบ้าน

  • ตรวจสอบ: รอยแตกร้าว, น้ำรั่ว, ระบบไฟ–น้ำใช้งานได้จริง, ความเรียบร้อยของงานสี–พื้น–ฝ้า
  • ใช้ Checklist ตรวจ Defect โดยแนะนำให้ใช้ผู้เชี่ยวชาญ หรือสถาปนิกอิสระ

5. เอกสารที่ควรได้รับในวันส่งมอบบ้าน

  • แบบ As-built (แบบบ้านจริงหลังสร้างเสร็จ)
  • เอกสารรับประกันวัสดุและระบบต่าง ๆ
  • รายชื่อช่างหรือผู้ประสานงานในกรณีเกิดปัญหาหลังเข้าอยู่

🏠 ทีริช กรุ๊ป มีบริการเสริมจัดหาวัสดุตกแต่งภายใน เช่น พื้น SPC, กระเบื้อง, อิฐตกแต่ง, ระบบ Smart Home พร้อมคำปรึกษาจากทีมที่มีประสบการณ์ร่วมงานกับบริษัทรับสร้างบ้านหลายแห่ง

งบประมาณและการวางแผนการเงินสำหรับการสร้างบ้านทั้งหลัง

ในยุคที่ต้นทุนก่อสร้างผันผวนจากราคาวัสดุ ค่าแรง และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลง การวางแผนงบประมาณอย่างมีระบบกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การสร้างบ้านสำเร็จลุล่วงโดยไม่ล้มเหลวกลางทาง

1. การแบ่งงบประมาณเบื้องต้น (เปอร์เซ็นต์จากงบรวม)

รายการสัดส่วนงบประมาณโดยประมาณ
ค่าก่อสร้างโครงสร้างหลัก40–50%
ค่าวัสดุตกแต่งภายใน15–20%
ค่าระบบไฟฟ้า–ประปา5–10%
ค่าผู้ออกแบบ / ผู้ควบคุมงาน5–10%
งานภูมิทัศน์ (Landscape)5%
สำรองฉุกเฉิน / ค่าใช้จ่ายแฝง10–15%

💡 ควรเผื่องบ 10–15% สำหรับ “สิ่งที่ไม่คาดคิด” เช่น แก้ไขงานบางส่วน, ราคาวัสดุเพิ่มขึ้น, ปรับแบบเฉพาะจุด

2. วิธีวางแผนการเงินแบบมืออาชีพ

  • ใช้บริการวางแผนงบสร้างบ้านร่วมกับบริษัทรับสร้างบ้านที่น่าเชื่อถือ
  • กำหนด วงเงินสูงสุด ที่สามารถใช้ได้โดยไม่กระทบชีวิตประจำวัน
  • จัดลำดับความสำคัญ เช่น โครงสร้างก่อนตกแต่ง, ความปลอดภัยก่อนความสวยงาม
  • วางแผนการชำระงวดงานให้ชัดเจน (งวดละเท่าไหร่ จ่ายเมื่อไร)

3. ตัวอย่างงบประมาณสร้างบ้านปี 2025–2026

ขนาดบ้านราคาต่อ ตร.ม.งบรวมโดยประมาณ
บ้านชั้นเดียว 120 ตร.ม.17,000–20,0002.0–2.4 ล้านบาท
บ้านสองชั้น 180 ตร.ม.18,000–23,0003.2–4.1 ล้านบาท
บ้านหรู 300 ตร.ม.+25,000–40,0007.5–12 ล้านบาท

💬 ราคาขึ้นอยู่กับแบบบ้าน, วัสดุที่ใช้, ทำเลพื้นที่ และบริษัทรับสร้างบ้านที่เลือก

4. เปรียบเทียบ: การจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน vs ผู้รับเหมารายย่อย

ประเด็นบริษัทรับสร้างบ้านผู้รับเหมารายย่อย
ความชัดเจนของงบประมาณ✅ วางแผนเป็นระบบ❌ ผันผวนสูง, มักบานปลาย
ระบบงวดงาน✅ เป็นงวด, ตรวจสอบได้❌ บางรายขาดระบบ, ไม่โปร่งใส
โอกาสถูกโกง⬇️ ต่ำมาก⬆️ เสี่ยงหายตัว, หนีงาน
ความยืดหยุ่นในการปรับแบบ❌ จำกัดกว่า✅ ปรับได้ตามหน้างาน

5. บริการจาก TRICH GROUP ในการช่วยควบคุมงบประมาณ

  • คัดเลือกวัสดุก่อสร้างในราคาส่งตรงจากโรงงาน ลดต้นทุนเฉลี่ย 10–20%
  • ให้คำปรึกษาวัสดุที่เหมาะกับงบและสภาพพื้นที่จริง
  • ช่วยตรวจสอบ BOQ และประเมินราคากลางเพื่อไม่ให้จ่ายเกินจริง

แนวโน้มของตลาดบริษัทรับสร้างบ้านในปี 2025–2026 และอนาคตต่อจากนี้

การเปลี่ยนแปลงในยุค 2025–2026 ส่งผลกระทบต่อตลาดบริษัทรับสร้างบ้านในหลายมิติ ทั้งในเชิงพฤติกรรมผู้บริโภค เทคโนโลยีที่เข้ามา และสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งในหัวข้อนี้เราจะวิเคราะห์แนวโน้มสำคัญ ๆ ที่จะส่งผลต่อการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้

1. ผู้บริโภคเน้นคุณภาพและบริการหลังการขายมากขึ้น

  • ผู้ว่าจ้างรุ่นใหม่เริ่มให้ความสำคัญกับมาตรฐานการก่อสร้าง, การรับประกันโครงสร้าง, ระบบ QC และการบริการหลังการส่งมอบ มากกว่าการเลือกที่ราคาถูกที่สุด
  • บริษัทที่มีระบบติดตามงานก่อสร้าง, แสดงความโปร่งใสของงวดงาน และรับผิดชอบงานภายหลังจะได้รับความนิยมสูงขึ้น

2. เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เข้ามาเปลี่ยนเกมการสร้างบ้าน

  • การนำระบบ BIM (Building Information Modeling), AI ตรวจแบบ, และ AR จำลองบ้านก่อนสร้าง เริ่มกลายเป็นมาตรฐานใหม่
  • ลูกค้าคาดหวังให้บริษัทรับสร้างบ้านมีระบบ Dashboard ติดตามสถานะงานก่อสร้างได้แบบ Real-time
  • เทคโนโลยีอย่าง บ้านอัจฉริยะ (Smart Home), ระบบควบคุมด้วยเสียง และ IoT จะกลายเป็น Option พื้นฐานสำหรับบ้านปี 2026

3. ความต้องการบ้านขนาดเล็กแบบประหยัดพลังงานพุ่งสูง

  • ปัจจัยเรื่องต้นทุนพลังงานและความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้บ้านขนาดเล็กที่มีระบบ Passive Design, ระบบโซลาร์เซลล์ และวัสดุเก็บความเย็นเป็นที่ต้องการมากขึ้น
  • บริษัทที่เสนอแบบบ้านอนุรักษ์พลังงานและมีการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมจะได้เปรียบ

4. บริษัทรับสร้างบ้านจะถูกจัดอันดับโดยแพลตฟอร์มออนไลน์

  • แพลตฟอร์มเช่น Google Review, Line OA, Facebook Page, หรือเว็บไซต์จัดอันดับงานรับเหมาจะเริ่มมีบทบาทในการตัดสินใจของลูกค้า
  • คะแนนรีวิวและคำชมจากลูกค้าจริง จะกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท

5. แนวโน้มการรวมกลุ่มหรือสร้างพันธมิตร (Construction Ecosystem)

  • บริษัทรับสร้างบ้านจะเริ่มรวมกลุ่มกับผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง, บริษัทออกแบบ, ธนาคาร และ Smart Home Tech เพื่อเสนอ “แพ็กเกจครบวงจร” ให้ลูกค้าจบในที่เดียว
  • TRICH GROUP คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจน ด้วยการรวมธุรกิจวัสดุก่อสร้าง, รับเหมา, วิศวกร, และบริการออกแบบเข้าด้วยกันเป็นระบบ

6. ข้อควรระวังสำหรับผู้บริโภคในยุคนี้

ปัจจัยเสี่ยงวิธีป้องกัน
บริษัทที่เพิ่งตั้งใหม่ ไม่มีผลงานชัดเจนตรวจสอบทะเบียนนิติบุคคล, ขอชมผลงานเดิม
สัญญาที่ไม่รัดกุมให้วิศวกรหรือทนายตรวจสัญญา
งบประมาณที่ไม่โปร่งใสขอ BOQ รายละเอียด, แยกรายการวัสดุและแรงงาน
บริการหลังการขายไม่มีสอบถามเงื่อนไขประกัน, ตรวจสอบ Feedback จากลูกค้าเก่า

บริษัทรับสร้างบ้าน TRICH GROUP กับการพัฒนาสู่แนวหน้าของไทยในปี 2026

ในยุคที่ตลาดรับสร้างบ้านแข่งขันกันดุเดือด ทั้งในด้านราคา เทคโนโลยี และความน่าเชื่อถือ TRICH GROUP ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและการวางรากฐานที่มั่นคงในฐานะบริษัทรับสร้างบ้านแบบครบวงจร พร้อมเป้าหมายในการเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของประเทศภายในปี 2026

จุดแข็งของ TRICH GROUP

  • ประสบการณ์ยาวนาน: เริ่มจากธุรกิจขายวัสดุก่อสร้างมากกว่า 10 ปี มีความรู้ลึกในวัสดุทุกประเภท และรู้จริงเรื่องต้นทุน
  • ทีมงานมืออาชีพ: มีวิศวกรประจำ, ผู้เชี่ยวชาญด้านงานโครงสร้าง, งานสถาปัตย์ และงานตกแต่งภายในครบทีม
  • ระบบจัดการทันสมัย: มีระบบติดตามงานก่อสร้างผ่าน Line OA และ Dashboard ให้ลูกค้าเข้าตรวจสอบงานได้ตลอด
  • คลังวัสดุและพันธมิตรโรงงาน: มีคลังวัสดุกลาง, เครือข่ายโรงงานผลิตเสาเข็ม, แผ่นพื้น, อิฐ, ปูน ฯลฯ ทำให้ควบคุมต้นทุนได้ดีกว่าบริษัททั่วไป
  • บริการออกแบบครบวงจร: มีแบบบ้านสำเร็จรูปที่ผ่านการวิเคราะห์ต้นทุนและวัสดุจริง พร้อมบริการออกแบบใหม่เฉพาะลูกค้า

วิสัยทัศน์ 2026

TRICH GROUP มุ่งพัฒนาให้เป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ใน 5 ด้านหลัก:

  1. คุณภาพงานก่อสร้าง ได้มาตรฐานวิศวกรรมและงาน QC ที่โปร่งใส
  2. เทคโนโลยี ใช้ AR-BIM, ระบบสั่งงานผ่านมือถือ และบ้านอัจฉริยะเป็นมาตรฐาน
  3. วัสดุคุณภาพ คัดสรรวัสดุเกรดโรงงาน พร้อมใบรับรองและแหล่งที่มา
  4. งบประมาณแม่นยำ ด้วยการประเมิน BOQ รายละเอียด และควบคุมต้นทุนหน้างานจริง
  5. บริการหลังการขาย รับประกันโครงสร้าง พร้อมทีมซ่อมบำรุงในเครือ

กลยุทธ์สำคัญของ TRICH GROUP ในการแข่งขัน

กลยุทธ์รายละเอียด
บริการแบบ One Stop Serviceลูกค้าเข้ามาที่เดียว จบทุกขั้นตอน: ออกแบบ, ยื่นกู้, ก่อสร้าง, ส่งมอบ
ระบบหลังบ้านอัตโนมัติใช้ AI + Dashboard วิเคราะห์สถานะโครงการ, งวดงาน, จัดซื้อวัสดุ
เน้นตลาดโครงการ 2–10 ล้านบาทกลุ่มที่มีความต้องการสูงในเขตชานเมือง, บ้านสร้างบนที่ดินตนเอง
สร้างทีมรับเหมากลางประจำลดปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงาน ด้วยระบบทีมประจำในสังกัด

TRICH GROUP ไม่ใช่แค่บริษัทรับเหมา แต่คือ Ecosystem ด้านการก่อสร้างครบวงจร ที่พัฒนาอย่างเป็นระบบเพื่อให้ลูกค้าได้บ้านคุณภาพดี ราคาคุ้มค่า และมั่นใจได้ใน