1. บทนำ: ทำไม “นิคมลาดกระบัง” คือพื้นที่ที่มีความต้องการต่อเติมสูงในปี 2026
ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของนิคมลาดกระบัง
ต่อเติมนิคมลาดกระบัง เป็นงานที่กำลังเป็นที่นิยม ในปัจจุบัน ซึ่ง นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ถือเป็นหนึ่งในนิคมยุทธศาสตร์ของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก ด้วยที่ตั้งติดถนนมอเตอร์เวย์และใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจด้านโลจิสติกส์ การผลิต และการส่งออกสินค้า โดยมีโรงงานและโกดังกว่า 300 แห่งกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
จากข้อมูลปี 2025 พบว่า พื้นที่กว่า 90% ถูกใช้ประโยชน์เต็มแล้ว และผู้ประกอบการจำนวนมากมีความต้องการขยายพื้นที่ใช้งาน เช่น การสร้างโกดังเพิ่ม, ต่อเติมสายการผลิต หรือดัดแปลงอาคารเพื่อรองรับมาตรฐานใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมและแรงงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการ ต่อเติมนิคมลาดกระบัง อย่างมากในปี 2026
ความต้องการในการขยายกิจการ / เพิ่มพื้นที่ใช้สอย
เหตุผลหลักที่ทำให้เกิดการต่อเติมในพื้นที่นิคมลาดกระบัง มีดังนี้:
- เพิ่มพื้นที่เก็บสินค้า เพื่อรองรับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากตลาดออนไลน์และการส่งออก
- ขยายสายการผลิต เพื่อปรับกำลังการผลิตตามคำสั่งซื้อที่มากขึ้น
- ปรับปรุงพื้นที่ให้ทันสมัย เช่น เพิ่มระบบระบายอากาศ, ติดฉนวนประหยัดพลังงาน หรือแยกโซนผลิตอาหาร–ยา
- เปลี่ยนแปลงการใช้งานอาคารเดิม เช่น จากโกดังเป็นพื้นที่จัดส่งสินค้า หรือคลังสินค้าเย็น
ปัญหาที่พบจากการ ต่อเติมนิคมลาดกระบัง แบบไม่ได้วางแผน
แม้หลายกิจการต้องการต่อเติมเพื่อให้ทันต่อการแข่งขัน แต่กลับพบว่าโรงงานจำนวนไม่น้อยยังดำเนินการแบบไม่มีแบบแปลนที่ถูกต้อง หรือไม่ขออนุญาตกับการนิคมฯ ส่งผลให้เกิดปัญหา เช่น:
- ถูกสั่งระงับการใช้งานจากการนิคมอุตสาหกรรม
- โครงสร้างต่อเติมวิบัติ เนื่องจากไม่คำนวณน้ำหนักที่รับจริง
- ปัญหาด้านผังเมือง เช่น ต่อเติมล้ำแนวเขต หรือล้ำเขตพื้นที่กันไฟ
- ค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน เพราะต้องรื้อถอนหรือแก้ไขให้ตรงตามมาตรฐานใหม่
👉 ดังนั้น ในปี 2026 นี้ การต่อเติมนิคมลาดกระบังไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มพื้นที่ใช้งานเท่านั้น แต่คือการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ต้องอาศัยความเข้าใจทั้งด้านกฎหมาย, วิศวกรรม และโลจิสติกส์ร่วมกันอย่างแท้จริง
2. รูปแบบงานต่อเติมที่พบบ่อยในนิคมลาดกระบัง
เมื่อสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังในช่วงปี 2025–2026 พบว่า การต่อเติมเพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้พื้นที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 4 รูปแบบหลักดังต่อไปนี้:
1) ต่อเติมนิคมลาดกระบังหรือโกดังเก็บของ (Storage Warehouse Extension)
- เพื่อรองรับปริมาณสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อ หรือช่วง High Season
- มักต่อเติมแบบ โกดังครึ่งถาวร ด้วยโครงสร้างเหล็กและเมทัลชีท
- มีข้อควรระวังเรื่องการระบายอากาศ และการจัดเรียงพาเลทให้ปลอดภัยต่อโครงสร้างเดิม
2) ต่อเติมนิคมลาดกระบัง กับโรงงานผลิต (Production Zone Expansion)
- ขยายพื้นที่สำหรับติดตั้งเครื่องจักรหรือสายพานการผลิตเพิ่มเติม
- ต้องมีวิศวกรโครงสร้างออกแบบรับน้ำหนักและรองรับแรงสั่นสะเทือน
- การต่อเติมต้องขออนุญาตการนิคมฯ พร้อมแบบระบบไฟฟ้า–ระบายอากาศ
3) ต่อเติมลานโหลดสินค้า / Docking Area
- พื้นที่ Loading/Unloading เป็นคอขวดของหลายโรงงาน → จำเป็นต้องเพิ่มช่องจอดรถบรรทุก, Loading Bay
- ต้องคำนึงถึงมุมเลี้ยวรถ, ความสูง Loading Dock และระบบกันฝน
- นิยมใช้โครงสร้างเหล็กเปิดโล่ง + หลังคาเมทัลชีท + พื้นคอนกรีตพิเศษ
4) ต่อเติมนิคมลาดกระบัง กับสำนักงานภายในโรงงาน (Factory Office Extension)
- เพื่อให้พนักงานฝ่ายบัญชี/ควบคุมคุณภาพทำงานใกล้ไลน์ผลิตมากขึ้น
- มักใช้ระบบผนังเบา/ผนังสำเร็จรูป เพื่อลดภาระโครงสร้างเดิม
- ควรแยกระบบไฟฟ้า/แอร์/แสงสว่าง และติดฉนวนกันเสียงเพื่อไม่รบกวนการผลิต
ตารางสรุป: รูปแบบงานต่อเติมยอดนิยมในนิคมลาดกระบัง
ประเภทงานต่อเติม | จุดประสงค์หลัก | โครงสร้างที่นิยม | ข้อควรระวัง |
---|---|---|---|
โกดังเก็บของ | เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ | โครงเหล็ก + เมทัลชีท | การระบายอากาศ, พื้นรับน้ำหนัก |
โรงงานผลิต | ขยายกำลังผลิต | ค.ส.ล. หรือเหล็กเสริมแรง | โครงสร้างรับแรง, ระบบไฟ/อากาศ |
ลานโหลดสินค้า | รองรับรถบรรทุก | พื้นคอนกรีต + หลังคาโล่ง | การระบายน้ำ, มุมเข้า-ออกรถ |
สำนักงานในโรงงาน | บริหารงานใกล้จุดผลิต | ผนังเบา / ผนังสำเร็จรูป | แสง, เสียง, ระบบแยกส่วน |
3. กฎหมายและการยื่นขออนุญาต: ต้องรู้ก่อนลงมือ
ก่อนดำเนินการต่อเติมโกดังหรือโรงงานในนิคมลาดกระบัง ผู้ประกอบการต้องเข้าใจขั้นตอนด้านกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระงับงานก่อสร้าง ถูกสั่งรื้อถอน หรือปฏิเสธการขอใบอนุญาตในอนาคต
ขั้นตอนการยื่นอนุญาตกับการนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.)
- จัดเตรียมแบบก่อสร้าง
- ออกแบบโดยวิศวกร/สถาปนิกที่มีใบประกอบวิชาชีพ (ใบ กว.)
- ต้องมีรายละเอียดโครงสร้าง สถาปัตย์ ไฟฟ้า สุขาภิบาล และระบบป้องกันอัคคีภัย
- ยื่นคำขอปรับปรุง/ต่อเติมอาคาร
- ยื่นที่สำนักงานนิคมลาดกระบัง โดยกรอกแบบฟอร์มตามประเภทโครงการ
- แนบเอกสาร เช่น โฉนด, หนังสืออนุญาตใช้ที่ดิน, แบบแปลน, รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ถ้ามี)
- รออนุมัติ
- ระยะเวลาดำเนินการ: 30–90 วัน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของงาน
- ดำเนินการก่อสร้าง
- ต้องมีวิศวกรควบคุมงานประจำไซต์ และแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ
ความสัมพันธ์กับสำนักงานเขต และผังเมืองรวม
แม้พื้นที่จะอยู่ภายใต้การดูแลของ กนอ. แต่ผู้ประกอบการยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคารและผังเมืองของกรุงเทพมหานคร เช่น:
- ต้องตรวจสอบว่าเขตที่ดินอยู่ในโซน อุตสาหกรรม / คลังสินค้า / เชิงพาณิชย์ ตามแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน
- ต้องเว้นระยะร่นตามกฎหมาย เช่น ห่างจากแนวเขต หรือแนวคลอง
- หากเป็นพื้นที่สีเขียวหรืออนุรักษ์ อาจต่อเติมได้เฉพาะบางประเภท
กฎหมายแรงงาน อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง
- กฎหมายแรงงาน
- ต้องมีห้องพักแรงงานเพียงพอ ไม่เกินจำนวนคนต่อพื้นที่ที่กำหนด
- พื้นที่ต่อเติมห้ามกีดขวางทางหนีไฟหรือระบบความปลอดภัยเดิม
- กฎหมายอาชีวอนามัย
- หากมีการใช้สารเคมีหรือความร้อน ต้องจัดโซนให้เหมาะสม
- ติดตั้งระบบดูดควัน หรือระบายอากาศตามมาตรฐานกรมโรงงานอุตสาหกรรม
- กฎหมายสิ่งแวดล้อม
- โครงการขนาดใหญ่ต้องมี รายงาน EIA หรือ IEE
- ห้ามปล่อยน้ำเสียหรือฝุ่นออกจากอาคารโดยไม่มีการบำบัด
ตาราง: เอกสารที่ใช้ยื่นอนุญาต ต่อเติมนิคมลาดกระบัง
เอกสาร | ใช้กับหน่วยงาน | หมายเหตุ |
---|---|---|
แบบแปลนพร้อมเซ็นวิศวกร/สถาปนิก | กนอ., เขต | ต้องแสดงโครงสร้าง/ไฟฟ้า/สุขาภิบาล |
สำเนาโฉนด/หนังสือสิทธิ์เช่า | กนอ. | หากเป็นผู้เช่า ต้องแนบสัญญาเช่าแนบท้าย |
รายงาน EIA/IEE (ถ้ามี) | กนอ., สผ. | สำหรับโครงการเกิน 2,000 ตร.ม. หรืออุตสาหกรรมเฉพาะ |
แบบฟอร์มคำขอของ กนอ. | กนอ. | ต้องกรอกครบถ้วน แนบสำเนาบัตร ปชช./นิติบุคคล |
4. การออกแบบโกดัง/โรงงานให้เหมาะสมกับกิจกรรม
การออกแบบที่ดีคือหัวใจสำคัญของการต่อเติมโกดังหรือโรงงานให้ตอบโจทย์การใช้งานจริง ลดความสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยเฉพาะในนิคมลาดกระบังที่มีพื้นที่จำกัดและต้องรองรับกิจกรรมหลากหลายประเภท การออกแบบจึงต้องพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้:
1. ความสูงอาคาร (Ceiling Height)
- สำหรับโกดังที่ใช้จัดเก็บสินค้าแบบ Pallet หรือ Rack ควรมีความสูงตั้งแต่ 6–12 เมตร เพื่อรองรับการจัดวางในแนวดิ่ง
- พื้นที่ผลิตอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ อาจต้องใช้ความสูง 12–15 เมตร
2. ระบบแสงสว่าง (Lighting)
- ควรออกแบบให้ใช้แสงธรรมชาติร่วมด้วย เช่น การติด Skylight หรือแผ่นโปร่งแสง
- พื้นที่ที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น บรรจุภัณฑ์หรือ QC ควรใช้ ไฟ LED 600–1000 lux
3. ระบบระบายอากาศ (Ventilation)
- โกดังทั่วไปควรมีพัดลมดูดอากาศทุกระยะ 10–15 เมตร
- พื้นที่อับหรือใช้สารเคมี ต้องมีระบบ Exhaust Fan และ Ventilator เพื่อลดความชื้นและกลิ่นอับ
4. พื้นรองรับน้ำหนัก (Load-Bearing Floor)
- ต้องคำนวณตามน้ำหนักที่ใช้งานจริง เช่น 5–10 ตัน/ตร.ม. สำหรับโกดังทั่วไป
- พื้นควรลงเข็มเจาะหรือเสาเข็มตอก ขึ้นอยู่กับสภาพดินของนิคมลาดกระบัง
5. การเข้าถึงของรถขนส่ง (Forklift & Truck Access)
- พื้นที่ต่อเติมควรมีความกว้างของทางเดิน ขั้นต่ำ 3 เมตร สำหรับ Forklift และ 5–7 เมตร สำหรับรถบรรทุกเข้า–ออก
- ควรมี Ramping ที่ระดับความสูงเหมาะสมกับรถทุกประเภท (Dock Leveler)
6. การจัด Layout ตามกระบวนการทำงาน (Process-Based Layout)
- หากเป็นโรงงานผลิต ควรแยกโซนผลิต → บรรจุ → คลังสินค้า อย่างชัดเจน
- ควรออกแบบ Flow ของคน, วัตถุดิบ และสินค้าสำเร็จรูปไม่ให้ตัดกัน เพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มความปลอดภัย
📊 ตาราง: ข้อกำหนดขั้นต่ำของการออกแบบตามประเภทกิจกรรม
ประเภทกิจกรรม | ความสูงอาคาร | พื้นรับน้ำหนัก | ระบบระบายอากาศ | ความกว้างทางเดิน |
---|---|---|---|---|
โกดังทั่วไป | 6–9 เมตร | 5 ตัน/ตร.ม. | พัดลมระบายอากาศ | 3 เมตรขึ้นไป |
โรงงานผลิต | 9–15 เมตร | 8–10 ตัน/ตร.ม. | Ventilator + Exhaust | 4–6 เมตร |
คลังสินค้าเย็น | 6–8 เมตร | 6 ตัน/ตร.ม. | ระบบควบคุมอุณหภูมิ | 3–4 เมตร |
ศูนย์กระจายสินค้า (DC) | 12 เมตรขึ้นไป | 8 ตัน/ตร.ม. | ระบบอัตโนมัติ | 6 เมตรขึ้นไป |
5. การเลือกวัสดุ ต่อเติมนิคมลาดกระบัง ที่เหมาะสมกับงานโรงงาน
วัสดุที่ใช้ในการต่อเติมโกดังหรือโรงงานในนิคมลาดกระบังจำเป็นต้องสอดคล้องกับลักษณะการใช้งานจริงของพื้นที่ ทั้งในด้านความแข็งแรง ทนสารเคมี ความชื้น ความร้อน รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยของโรงงานอุตสาหกรรมในปี 2026
1. พื้น (Flooring Materials)
- คอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced Concrete) – ใช้ในงานทั่วไป รับน้ำหนักได้ดี
- พื้นเคลือบ Epoxy/PU – ทนสารเคมีและความชื้น เหมาะกับห้องผลิต, พื้นที่อาหาร/ยา
2. ผนัง (Wall Panels)
- อิฐมวลเบา (AAC) – ป้องกันความร้อนและเสียง เหมาะกับผนังภายใน
- Precast Concrete Panels – แข็งแรง ทนแรงกระแทก เหมาะกับผนังภายนอก
- Sandwich Panel (PU/Rockwool) – ใช้ในห้องเย็นหรือพื้นที่ควบคุมอุณหภูมิ
3. หลังคา (Roofing)
- เมทัลชีทเคลือบอลูซิงค์ AZ150 – ทนสนิม อายุการใช้งานนาน
- หลังคาโปร่งแสง/Skylight – ลดค่าไฟ เพิ่มแสงธรรมชาติ
- ติดฉนวน PE หรือ PU Foam – ลดอุณหภูมิภายในได้อย่างดี
4. โครงสร้างหลัก (Structural Frame)
- เหล็กรูปพรรณรีดร้อน (Hot-Rolled Steel) – ใช้ในงานโครงสร้างหลัก แข็งแรงสูง
- Prefabricated Steel Frame – ก่อสร้างรวดเร็ว ต้นทุนคงที่ เหมาะกับโกดังขนาดกลาง–ใหญ่
- ค.ส.ล. (คอนกรีตเสริมเหล็ก) – ใช้ในงานถาวร หรือที่รับน้ำหนักสูง
5. วัสดุป้องกันพิเศษ (Specialized Materials)
- ฉนวน Rockwool – ทนไฟ เหมาะกับพื้นที่ต้องกันความร้อนสูง
- สารเคลือบกันไฟ (Intumescent Paint) – ป้องกันโครงสร้างเหล็กเสียหายจากอุณหภูมิสูง
- วัสดุป้องกันไฟฟ้าสถิต (ESD Flooring) – ใช้ในห้อง Clean Room หรือห้องเซมิคอนดักเตอร์
📊 ตาราง: ตัวอย่างวัสดุยอดนิยมในนิคมลาดกระบัง (แบ่งตามประเภทงาน)
ประเภทพื้นที่ | พื้น | ผนัง | หลังคา | โครงสร้าง |
---|---|---|---|---|
โกดังทั่วไป | ค.ส.ล. + Epoxy | อิฐมวลเบา | เมทัลชีท + PE | โครงเหล็กสำเร็จรูป |
ห้องผลิตอาหาร | PU Floor | Sandwich Panel | เมทัลชีท + PU | โครงเหล็กรีดร้อน |
พื้นที่สารเคมี | Epoxy หนา + ESD | Precast + เคลือบพิเศษ | เมทัลชีท + ฉนวน Rockwool | โครงเหล็ก + กันไฟ |
ห้องเย็น | PU Floor | PU Panel | Sandwich Roof | ค.ส.ล. หรือ Steel Frame |


6. บริหารงบประมาณและระยะเวลา: วางแผนให้ไม่บานปลาย
การบริหารงบประมาณและระยะเวลาก่อสร้างคือจุดตัดสินความสำเร็จของการต่อเติมโกดังหรือโรงงานในนิคมลาดกระบัง หากไม่มีการวางแผนอย่างมืออาชีพ งบประมาณอาจบานปลายหลายเท่าตัว และส่งผลต่อการดำเนินงานของกิจการโดยตรง
1. การจัดทำ BOQ (Bill of Quantity) อย่างละเอียด
BOQ คือเอกสารรายการวัสดุและปริมาณงานที่ต้องใช้ทั้งหมดในโครงการ พร้อมราคาประมาณการ ซึ่งต้องจัดทำโดยวิศวกรหรือผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์จริงในงานโรงงาน
สิ่งที่ควรอยู่ใน BOQ:
- งานโครงสร้าง: เสา, คาน, ฐานราก
- งานระบบ: ไฟฟ้า, น้ำ, ระบายอากาศ
- วัสดุก่อสร้าง: ผนัง, หลังคา, พื้น
- ค่าขนส่ง, ค่าติดตั้ง, ค่าวิศวกรควบคุม
2. วาง Timeline การก่อสร้างอย่างเป็นขั้นตอน
โปรเจกต์ที่ไม่มีแผนงานชัดเจนจะเจอปัญหาล่าช้า, ส่งมอบไม่ทัน หรือทำงานซ้ำซ้อน การกำหนด แผนงานก่อสร้าง (Construction Schedule) อย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ขั้นตอนหลักที่ต้องมีใน Timeline:
- เตรียมแบบ + ขออนุญาต: 15–30 วัน
- เตรียมพื้นที่หน้างาน: 5–10 วัน
- งานโครงสร้าง: 20–40 วัน
- ติดตั้งระบบไฟฟ้า/สุขาภิบาล: 10–20 วัน
- งานตกแต่ง / ทดสอบระบบ: 5–15 วัน
3. คุมต้นทุนโดยเลือกผู้รับเหมามืออาชีพ
ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ในนิคมลาดกระบังจะเข้าใจกฎระเบียบ, วิธีการประสานงานกับ กนอ. และรู้จุดเสี่ยงที่อาจทำให้งบประมาณบานปลาย
เกณฑ์ในการเลือกผู้รับเหมา:
- มีผลงานต่อเติมโรงงานหรือโกดังจริง
- มีทีมวิศวกรควบคุมงาน และผู้ประสานงานด้านเอกสาร
- มี BOQ ที่ชัดเจน และ Timeline ที่สามารถติดตามได้
- ไม่เสนอราคาถูกผิดปกติ → เสี่ยงเปลี่ยนสเปกภายหลัง
📊 ตาราง: ตัวอย่าง Timeline การต่อเติมโกดังในนิคมลาดกระบัง (100–1,000 ตร.ม.)
ขนาดพื้นที่ | เตรียมแบบและอนุญาต | ก่อสร้างโครงสร้าง | ระบบไฟ–น้ำ | ตรวจสอบส่งมอบ | รวมระยะเวลา |
---|---|---|---|---|---|
100 ตร.ม. | 15 วัน | 15 วัน | 7 วัน | 5 วัน | 42 วัน |
300 ตร.ม. | 20 วัน | 25 วัน | 10 วัน | 7 วัน | 62 วัน |
500 ตร.ม. | 25 วัน | 30 วัน | 12 วัน | 8 วัน | 75 วัน |
1,000 ตร.ม. | 30 วัน | 45 วัน | 15 วัน | 10 วัน | 100 วัน |
7. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการต่อเติมนิคมลาดกระบัง
แม้การต่อเติมโรงงานหรือโกดังจะดูเหมือนเป็นเพียงงานก่อสร้างเพิ่มเติมเล็กน้อย แต่หากขาดความเข้าใจในขั้นตอน กฎหมาย และโครงสร้างที่เหมาะสม ย่อมส่งผลเสียทั้งต่อความปลอดภัย ต้นทุน และการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
1. ต่อเติมโดยไม่ขออนุญาตจาก กนอ. หรือสำนักงานเขต
- เป็นความผิดที่พบได้บ่อยที่สุด
- ส่งผลให้ถูกออกคำสั่งระงับงาน หรือเลวร้ายที่สุดคือต้อง “รื้อถอน”
- การขออนุญาตย้อนหลังมักยุ่งยาก ใช้เวลานาน และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
2. ใช้วัสดุไม่เหมาะสมกับลักษณะงาน
- เช่น ใช้เมทัลชีทราคาถูก ไม่ทนสนิมกับโกดังเก็บสารเคมี → เสียหายภายใน 2 ปี
- ใช้พื้นทั่วไปในพื้นที่ที่มีรถยกขนของหนัก → พื้นแตกร้าว ต้องซ่อมซ้ำซ้อน
- ไม่ใช้ฉนวนกันความร้อน → ค่าพลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. ผู้รับเหมาขาดความเข้าใจด้านกฎหมายในนิคมอุตสาหกรรม
- ไม่มีทีมประสานงานกับการนิคมฯ → งานล่าช้า
- ออกแบบผิดจากผังเมืองหรือระยะร่นที่กำหนด → ไม่ผ่านอนุญาต
- ไม่มีวิศวกรควบคุมงาน → เสี่ยงต่อการพังวิบัติของโครงสร้าง
4. ไม่วางแผน Timeline และ BOQ อย่างรัดกุม
- งานล่าช้าเกินกำหนด ส่งผลต่อแผนการผลิตและการส่งออก
- ต้นทุนบานปลาย เพราะมีงานเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขระหว่างทาง
- ผู้รับเหมาอ้างว่า “ไม่รวมรายการนี้” เพราะ BOQ ไม่ชัดเจน
5. ละเลยเรื่องระบบความปลอดภัยและการหนีไฟ
- ต่อเติมแล้วบังช่องทางหนีไฟเดิม
- ไม่มีระบบระบายควัน หรือเครื่องตรวจจับไฟไหม้ในส่วนที่เพิ่มใหม่
- หากเกิดอุบัติเหตุ → อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแรงงานและความปลอดภัย
8. กรณีศึกษา: เจ้าของโรงงาน A ปรับปรุงโกดังอย่างไรให้ผ่าน กนอ. และประหยัดงบ 15%
เพื่อให้เห็นภาพการวางแผนต่อเติมที่ถูกต้องตามหลัก ทั้งในแง่กฎหมาย วิศวกรรม และการควบคุมงบประมาณ เราขอยกกรณีศึกษาจริงของ “เจ้าของโรงงาน A” ในพื้นที่นิคมลาดกระบัง ที่ดำเนินโครงการต่อเติมโกดังขนาด 500 ตร.ม. ได้สำเร็จอย่างมืออาชีพ
ขั้นตอนที่เจ้าของโรงงานดำเนินการอย่างเป็นระบบ:
1. ตั้งเป้าหมายก่อนเริ่มอย่างชัดเจน
- เจ้าของต้องการเพิ่มพื้นที่เก็บสินค้าแบบ Pallet Rack 4 ชั้น เพื่อรองรับการขยายตัวของคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ
- ตั้งเป้าใช้งบไม่เกิน 2.5 ล้านบาท และก่อสร้างให้เสร็จภายใน 75 วัน
2. จ้างวิศวกร–ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ในนิคมลาดกระบัง
- ทีมออกแบบเข้าใจข้อกำหนดของ กนอ. และสามารถดำเนินเรื่องขออนุญาตได้ครบทุกจุด
- แบบแปลนผ่านการอนุมัติในรอบแรก โดยไม่มีการแก้แบบหรือล่าช้า
- มี BOQ รายการละเอียดทุกจุด ลดโอกาสบานปลายของงบประมาณ
3. เลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับประเภทสินค้า
- ใช้พื้นคอนกรีตเคลือบ Epoxy รับน้ำหนัก 8 ตัน/ตร.ม.
- ติดตั้งระบบระบายอากาศแบบ Roof Ventilator + พัดลมดูดอากาศทุก 12 เมตร
- ใช้หลังคาเมทัลชีท + ฉนวน PU Foam ลดอุณหภูมิภายใน 4–6°C
4. ควบคุมงบและระยะเวลาด้วยระบบรายงานความคืบหน้า
- ทีมงานส่งรายงานความคืบหน้าทุกสัปดาห์ พร้อมปรับแผนหน้างานหากมีเหตุแทรกซ้อน
- ใช้ระบบคุมค่าใช้จ่ายหน้างาน และมีการตรวจรับงานเป็นงวดๆ
ผลลัพธ์:
- โครงการเสร็จใน 70 วัน เร็วกว่ากำหนด 5 วัน
- ใช้งบจริง 2.13 ล้านบาท ประหยัดได้เกินเป้า 15%
- ได้ใบอนุญาตจาก กนอ. ถูกต้อง พร้อมใช้งานทันที
9. ทำไม “ทีริช กรุ๊ป” ถึงเหมาะกับงานต่อเติมในนิคมลาดกระบัง
จากประสบการณ์ตรงในการดูแลลูกค้าหลากหลายรายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ทีมงานของ “ทีริช กรุ๊ป” ได้พัฒนาแนวทางการทำงานที่ตอบโจทย์ทั้งด้านวิศวกรรม กฎหมาย และความคุ้มค่าทางธุรกิจ โดยมีจุดแข็งที่ทำให้เราแตกต่างอย่างชัดเจน:
1. ประสบการณ์เฉพาะทางด้านงานโกดัง–โรงงานในนิคม
- ดำเนินโครงการต่อเติมให้กับโรงงานหลากหลายประเภท เช่น โรงงานอาหาร, คลังสินค้า, ศูนย์กระจายสินค้า
- เข้าใจ Pain Point ของโรงงาน เช่น การเว้นแนวหนีไฟ การคุมความชื้น การรับน้ำหนักพื้น และระบบขนส่งภายใน
2. ทีมวิศวกร–โยธา และช่างเทคนิคมืออาชีพ
- วิศวกรที่ได้รับใบอนุญาต (กว.) พร้อมประสบการณ์กว่า 10 ปีในงานอุตสาหกรรม
- มีผู้ควบคุมงานประจำไซต์ทุกโครงการ พร้อมทีม QC ตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน
3. เข้าใจขั้นตอนการประสานงานกับ กนอ. และหน่วยงานรัฐ
- ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้าง อ.1 / อ.2 ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
- จัดเตรียมเอกสาร, เซ็นแบบ, และตรวจสอบพื้นที่ให้พร้อมยื่นแบบไม่ตกหล่น
4. บริการแบบ One-Stop ครบวงจร
- ให้คำปรึกษาเบื้องต้นฟรี พร้อมวิเคราะห์ความคุ้มค่าการลงทุน
- จัดทำแบบ, BOQ, Timeline และยื่นอนุญาตในนามลูกค้า
- ดำเนินการก่อสร้างจริงแบบ Turnkey พร้อมส่งมอบงานตามสัญญา
5. รู้จริงเรื่องวัสดุ–ระบบ ที่เหมาะกับสภาพอากาศและงานอุตสาหกรรมไทย
- แนะนำวัสดุที่เหมาะสม ไม่ใช้ของต่ำกว่ามาตรฐานเพื่อกดต้นทุน
- ช่วยลูกค้าประหยัดพลังงาน ลดค่าซ่อมบำรุงในระยะยาว
6. การันตีด้วยผลงานและความไว้วางใจ
- ลูกค้าในนิคมลาดกระบังกลับมาใช้บริการซ้ำกว่า 70%
- ได้รับการบอกต่อจากเจ้าของโรงงานในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง โลจิสติกส์
10. Call to Action + ลิงก์สำคัญ
สนใจต่อเติมโกดัง/โรงงานในนิคมลาดกระบัง?
📞 โทร: 081-493-5452
📱 LINE OA: @trich
🔍 อ่านรายละเอียด: https://trich.co.th/build-house-2026/
🌐 ข้อมูลแบบบ้านสวยสวย : https://www.xn--q3cbzaxbsc1ezm.com/